ตลาดหุ้นไทยไร้เสน่ห์? เริ่มปี 68 ผ่านไปไม่ถึงเดือน ต่างชาติขายสุทธิเกือบ 1 หมื่นลบ.
ข้อมูลการซื้อขายหลักทรัพย์ในส่วนของนักลงทุนต่างชาติน่าสนใจอย่างมาก เพราะในเดือนม.ค.68 ระหว่างวันที่ 2-23 ม.ค.68 นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยสูงถึง 9,768 ล้านบาท ในขณะที่นักลงทุนกลุ่มอื่นๆ ทั้ง นักลงทุนสถาบัน บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ และนักลงทุนภายในประเทศยังคงมีสถานะซื้อสุทธิหุ้นไทย
หากเข้าไปสำรวจการซื้อขายรายวันในช่วงเวลาดังกล่าว พบว่า วันที่ 23 ม.ค.68 นักลงทุนต่างชาติมีการขายสุทธิหุ้นไทยมากสุดถึง 4,388 ล้านบาท
ความเห็นนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุว่า วานนี้ตลาดหุ้นไทย ปรับตัวลงแรง 17.6 จุด มาอยู่ที่ 1344.17 จุด ส่วนหนึ่งเกิดจาก ต่างชาติขายสุทธิสูงถึง 4.39 พันล้านบาท โดยหลักๆ น่าจะเกิดจากการขายผ่าน PROGRAM TRADE ที่ขายสุทธิออกมาสูงถึง 4.32 พันล้านบาท ซึ่งเป็นการขาย ภายในวันเดียวที่สูงที่สุดในปีนี้
และหากวิเคราะห์มูลค่าซื้อขาย พบว่า ต่างชาติมีสัดส่วนการซื้อขายสูงถึง 51.1% ของมูลค่าซื้อขายทั้งหมด และหลักๆยังเป็นการซื้อขายผ่าน PROGRAM TRADE 46.7% ขณะที่รายย่อยมีสัดส่วนการซื้อขาย 30.3%
สรุป ตลาดมีการซื้อขายด้วย PROGRAM TRADE เกือบครึ่ง อาจเพิ่มความผันผวน ยามตลาดหุ้นไทยมูลค่าซื้อขายเบาบาง รวมถึงราคาหุ้นบางบริษัทอาจมีความผัน ผวนมากขึ้นหากกราฟทางเทคนิคมีการเปลี่ยนอย่างมีนัยยะสำคัญ
ส่วนความเห็นนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ระบุว่า ช่วงสั้นมอง SET มีแนวโน้มฟื้นตัวในกรอบแคบ โดยมีแนวต้านสำคัญที่บริเวณ 1400 จุด ทั้งนี้แม้มองปัจจัยภายนอกจากภาพเศรษฐกิจและแนวโน้มดอกเบี้ยมีท่าทีดีขึ้น รวมถึงผลประกอบการไตรมาส 4/67 ของ บจ. ในสหรัฐฯ มีแนวโน้มออกมาแข็งแกร่ง และท่าทีของว่าที่ปธน. สหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ต่อการปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าอย่างค่อยเป็นค่อยไปยังทำให้ตลาดคลายกังวลได้ในระดับนึง
แต่อย่างไรก็ดี ปัจจัยภายในประเทศ (นอกเหนือจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ) ยังมีแนวโน้มเปราะบางจากการขาดความเชื่อมั่นด้านการลงทุน ทำให้ตลาดหุ้นไทยอาจฟื้นตัวได้ช้ากว่าตลาดหุ้นในต่างประเทศ อีกทั้งกระแสเงินของนักลงทุนต่างชาติยังไม่มีสัญญาณกลับมาซื้อหุ้นไทยอย่างมีนัยฯ ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”