Wealth Sharing
KBANK ตั้งเป้าติด 1ใน20 ธนาคารสินทรัพย์ใหญ่สุดในเวียดนาม ยอดสินเชื่อคงค้างแตะ 1.8 แสนลบ.ในปี 2570
09 มีนาคม 2566
กสิกรไทยลุยเวียดนาม ออกบริการทางการเงินเต็มรูปแบบ ครอบคลุมลูกค้าทุกกลุ่ม ตั้งเป้าเป็น 1 ใน 20 ธนาคารที่่มีขนาดสินทรัพย์ใหญ่ที่สุดในเวียดนาม มียอดสินเชื่อคงค้างแตะ 1.8 แสนล้านบาทและมีฐานลูกค้าเวียดนาม 8.4 ล้านราย ภายในปี 2570
นายชัช เหลืองอาภา รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เปิดเผยว่า ระบบเศรษฐกิจของเวียดนามพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด ด้วยเศรษฐกิจที่เติบโตถึง 8.02% ในปี 2565 เป็นการขยายตัวที่เร็วที่สุดในรอบ 25 ปี และมี GDP สูงเป็นอันดับที่ 30 ของโลก เช่นเดียวกันกับอุตสาหกรรมธนาคารของเวียดนาม ที่ถึงแม้จะยังค่อนข้างใหม่เมื่อเทียบกับประเทศในละแวกเดียวกัน แต่กลับเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก รวมถึงมีศักยภาพอันมหาศาลของทรัพยากรด้านต่าง ๆ ภายในประเทศ จึงคาดการณ์ว่าจะกลายเป็นประเทศอุตสาหกรรมใหม่ (Newly Industrialized Country หรือ NIC) ภายในปี 2573 และจะยกระดับเป็นประเทศที่มีสถานะรายได้ปานกลางถึงระดับสูง และเป็นประเทศพัฒนาแล้วภายในปี 2588
ธนาคารกสิกรไทยจึงเข้าไปขยายการให้บริการในประเทศเวียดนาม ด้วยการเป็นธนาคารที่ให้บริการทางการเงินอย่างเต็มรูปแบบ (Transactional Ecosystem) ครอบคลุมลูกค้าทุกกลุ่ม ตั้งแต่กลุ่มองค์กร บริษัทขนาดกลาง กลุ่มค้าปลีก และลูกค้ารายย่อย ไปสู่เป้าหมาย 1 ใน 20 ธนาคารที่ดีที่สุดในประเทศเวียดนาม ภายในปี 2570
โดยธนาคารจะเดินหน้ากลยุทธ์การให้บริการทางการเงินอย่างเต็มรูปแบบ (Transactional Ecosystem) เพื่อรองรับทุกความต้องการของลูกค้าที่หลากหลายมากขึ้น เริ่มตั้งแต่แอปพลิเคชัน K PLUS Vietnam ที่ช่วยให้การทำธุรกรรมการเงินของผู้ใช้งานลื่นไหล สะดวกสบาย ด้วยฟังก์ชั่นและระบบปฏิบัติการที่พัฒนาผ่าน บริษัท KBTG Vietnam (KASIKORN BUSINESS-TECHNOLOGY GROUP Vietnam) ให้ตอบโจทย์การใช้งานของคนเวียดนามมากที่สุด เช่น การใช้เทคโนโลยี NFC (Near-Field Communication) เพื่อทำให้การอ่านข้อมูลจากบัตรประชาชนทำงานได้ถูกต้องมากยิ่งขึ้น การพัฒนาเทคโนโลยี Liveness Detection เพื่อตรวจจับและป้องกันการปลอมตัวบุคคลในขั้นตอนของการสมัครใช้งาน เป็นต้น
นอกจากนี้ ธนาคารกสิกรไทยในเวียดนามได้สนับสนุนการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการในเวียดนาม ด้วยการพัฒนาเครื่อง EDC (Electronic Data Capture) ผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์สังคมไร้เงินสด และรองรับการชำระเงินหลากหลายช่องทาง เช่น บัตรเดบิต บัตรเครดิต และการแสกนจ่ายผ่าน QR Code ทุกประเภท และเพื่อให้การทำธุรกรรมของลูกค้าเป็นไปอย่างไร้รอยต่อ ทั้งนี้ ธนาคารเตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ นั่นคือ บัตรเดบิต ในช่วงเดือนกรกฎาคม 2566 ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้ารายย่อยในการทำธุรกรรมชำระเงิน และกดเงินสดโดยสามารถสมัครผ่านช่องทางออนไลน์ได้สะดวก ด้วยแอปพลิเคชัน K PLUS Vietnam เมื่อได้รับการอนุมัติ บัตรเดบิตจะถูกส่งไปถึงบ้านของผู้สมัครถึงที่ ไม่ต้องไปดำเนินการที่ธนาคารอีกต่อไป
สำหรับอีกกลุ่มลูกค้าที่ธนาคาร ให้ความสำคัญ คือ ลูกค้าองค์กร โดยสร้างเครือข่าย Internet Banking เพื่อให้องค์กรจัดการเงินสดและบัญชีเงินเดือนสำหรับพนักงานได้อย่างสะดวกและราบรื่น รวมทั้งยังให้ความสำคัญกับการปล่อยสินเชื่อดิจิทัล ด้วยผลิตภัณฑ์ KBank Biz Loan เพื่อเจาะกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก ที่สามารถทำธุรกรรมได้สะดวกผ่านแอปพลิเคชัน K PLUS Vietnam และผลิตภัณฑ์ KBank Pay Later สำหรับลูกค้ารายย่อยที่ต้องการขอสินเชื่อดิจิทัลเพื่อการซื้อสินค้าออนไลน์ ด้วยการทำพันธมิตรธุรกิจร่วมกับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซท้องถิ่น Meta ที่ขายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์
นอกจากนี้ ธนาคารกสิกรไทย ยังได้เดินหน้าหาพันธมิตรทางธุรกิจ ผ่านบริษัท กสิกร วิชั่น จำกัด (KASIKORN VISION CO., LTD.) หรือ KVision ที่เฟ้นหาบริษัทหรือสตาร์ทอัพที่น่าสนใจ เพื่อร่วมลงทุนและพัฒนาธุรกิจไปด้วยกัน
ในการมุ่งสู่เป้าหมายครั้งนี้ ธนาคารกสิกรไทยมั่นใจว่าด้วยประสบการณ์ ศักยภาพ และมาตรฐานระดับสากลที่พร้อมมอบบริการทางการเงินด้วยความเชี่ยวชาญชำนาญของธนาคารกสิกรไทยจะสามารถตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นในประเทศเวียดนามได้อย่างแน่นอน ตั้งเป้าหมายการเป็นธนาคารที่มีขนาดสินทรัพย์ใหญ่ติดอยู่ใน 20 อันดับแรกในประเทศเวียดนาม รายได้สุทธิถึง 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1.32 หมื่นล้านบาท มียอดสินเชื่อคงค้างที่ 1.8 แสนล้านบาท และมีฐานลูกค้าเวียดนาม 8.4 ล้านรายภายในปี 2570
นายชัช เหลืองอาภา รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เปิดเผยว่า ระบบเศรษฐกิจของเวียดนามพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด ด้วยเศรษฐกิจที่เติบโตถึง 8.02% ในปี 2565 เป็นการขยายตัวที่เร็วที่สุดในรอบ 25 ปี และมี GDP สูงเป็นอันดับที่ 30 ของโลก เช่นเดียวกันกับอุตสาหกรรมธนาคารของเวียดนาม ที่ถึงแม้จะยังค่อนข้างใหม่เมื่อเทียบกับประเทศในละแวกเดียวกัน แต่กลับเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก รวมถึงมีศักยภาพอันมหาศาลของทรัพยากรด้านต่าง ๆ ภายในประเทศ จึงคาดการณ์ว่าจะกลายเป็นประเทศอุตสาหกรรมใหม่ (Newly Industrialized Country หรือ NIC) ภายในปี 2573 และจะยกระดับเป็นประเทศที่มีสถานะรายได้ปานกลางถึงระดับสูง และเป็นประเทศพัฒนาแล้วภายในปี 2588
ธนาคารกสิกรไทยจึงเข้าไปขยายการให้บริการในประเทศเวียดนาม ด้วยการเป็นธนาคารที่ให้บริการทางการเงินอย่างเต็มรูปแบบ (Transactional Ecosystem) ครอบคลุมลูกค้าทุกกลุ่ม ตั้งแต่กลุ่มองค์กร บริษัทขนาดกลาง กลุ่มค้าปลีก และลูกค้ารายย่อย ไปสู่เป้าหมาย 1 ใน 20 ธนาคารที่ดีที่สุดในประเทศเวียดนาม ภายในปี 2570
โดยธนาคารจะเดินหน้ากลยุทธ์การให้บริการทางการเงินอย่างเต็มรูปแบบ (Transactional Ecosystem) เพื่อรองรับทุกความต้องการของลูกค้าที่หลากหลายมากขึ้น เริ่มตั้งแต่แอปพลิเคชัน K PLUS Vietnam ที่ช่วยให้การทำธุรกรรมการเงินของผู้ใช้งานลื่นไหล สะดวกสบาย ด้วยฟังก์ชั่นและระบบปฏิบัติการที่พัฒนาผ่าน บริษัท KBTG Vietnam (KASIKORN BUSINESS-TECHNOLOGY GROUP Vietnam) ให้ตอบโจทย์การใช้งานของคนเวียดนามมากที่สุด เช่น การใช้เทคโนโลยี NFC (Near-Field Communication) เพื่อทำให้การอ่านข้อมูลจากบัตรประชาชนทำงานได้ถูกต้องมากยิ่งขึ้น การพัฒนาเทคโนโลยี Liveness Detection เพื่อตรวจจับและป้องกันการปลอมตัวบุคคลในขั้นตอนของการสมัครใช้งาน เป็นต้น
นอกจากนี้ ธนาคารกสิกรไทยในเวียดนามได้สนับสนุนการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการในเวียดนาม ด้วยการพัฒนาเครื่อง EDC (Electronic Data Capture) ผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์สังคมไร้เงินสด และรองรับการชำระเงินหลากหลายช่องทาง เช่น บัตรเดบิต บัตรเครดิต และการแสกนจ่ายผ่าน QR Code ทุกประเภท และเพื่อให้การทำธุรกรรมของลูกค้าเป็นไปอย่างไร้รอยต่อ ทั้งนี้ ธนาคารเตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ นั่นคือ บัตรเดบิต ในช่วงเดือนกรกฎาคม 2566 ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้ารายย่อยในการทำธุรกรรมชำระเงิน และกดเงินสดโดยสามารถสมัครผ่านช่องทางออนไลน์ได้สะดวก ด้วยแอปพลิเคชัน K PLUS Vietnam เมื่อได้รับการอนุมัติ บัตรเดบิตจะถูกส่งไปถึงบ้านของผู้สมัครถึงที่ ไม่ต้องไปดำเนินการที่ธนาคารอีกต่อไป
สำหรับอีกกลุ่มลูกค้าที่ธนาคาร ให้ความสำคัญ คือ ลูกค้าองค์กร โดยสร้างเครือข่าย Internet Banking เพื่อให้องค์กรจัดการเงินสดและบัญชีเงินเดือนสำหรับพนักงานได้อย่างสะดวกและราบรื่น รวมทั้งยังให้ความสำคัญกับการปล่อยสินเชื่อดิจิทัล ด้วยผลิตภัณฑ์ KBank Biz Loan เพื่อเจาะกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก ที่สามารถทำธุรกรรมได้สะดวกผ่านแอปพลิเคชัน K PLUS Vietnam และผลิตภัณฑ์ KBank Pay Later สำหรับลูกค้ารายย่อยที่ต้องการขอสินเชื่อดิจิทัลเพื่อการซื้อสินค้าออนไลน์ ด้วยการทำพันธมิตรธุรกิจร่วมกับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซท้องถิ่น Meta ที่ขายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์
นอกจากนี้ ธนาคารกสิกรไทย ยังได้เดินหน้าหาพันธมิตรทางธุรกิจ ผ่านบริษัท กสิกร วิชั่น จำกัด (KASIKORN VISION CO., LTD.) หรือ KVision ที่เฟ้นหาบริษัทหรือสตาร์ทอัพที่น่าสนใจ เพื่อร่วมลงทุนและพัฒนาธุรกิจไปด้วยกัน
ในการมุ่งสู่เป้าหมายครั้งนี้ ธนาคารกสิกรไทยมั่นใจว่าด้วยประสบการณ์ ศักยภาพ และมาตรฐานระดับสากลที่พร้อมมอบบริการทางการเงินด้วยความเชี่ยวชาญชำนาญของธนาคารกสิกรไทยจะสามารถตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นในประเทศเวียดนามได้อย่างแน่นอน ตั้งเป้าหมายการเป็นธนาคารที่มีขนาดสินทรัพย์ใหญ่ติดอยู่ใน 20 อันดับแรกในประเทศเวียดนาม รายได้สุทธิถึง 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1.32 หมื่นล้านบาท มียอดสินเชื่อคงค้างที่ 1.8 แสนล้านบาท และมีฐานลูกค้าเวียดนาม 8.4 ล้านรายภายในปี 2570