‘เบทาโกร’ รุกตลาดอาหารสิงคโปร์ เข้าซื้อกิจการ Eggriculture มูลค่ากว่า 1,900 ล้านบาท มุ่งขับเคลื่อนกลยุทธ์ “Regional Player” สร้างการเติบโตที่แข็งแกร่งและยั่งยืน
บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) หรือ “BTG” เดินหน้ากลยุทธ์ “Regional Player” เข้าซื้อกิจการ Eggriculture ผู้ผลิตไข่ไก่ครบวงจรรายใหญ่ในสิงคโปร์ ด้วยมูลค่ากว่า 1,900 ล้านบาท เปิดแผนสร้าง Synergy มุ่งเสริมความแข็งแกร่งแบรนด์เบทาโกรในตลาดสิงคโปร์ทั้งในช่องทางร้านค้าปลีกและขยายฐานลูกค้ากลุ่ม HORECA พร้อมยกระดับประสิทธิภาพและผลผลิตของห่วงโซ่คุณค่า เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต วางเป้าหมายรายได้เบทาโกรในประเทศสิงคโปร์ปี 2568 โต 400% เมื่อเทียบกับปี 2567
นายวสิษฐ แต้ไพสิฐพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) หรือ “BTG” เปิดเผยว่า บริษัทฯ มุ่งสร้างการเติบโตระยะยาว ก้าวสู่การเป็นผู้นำอุตสาหกรรมอาหารในระดับภูมิภาคอาเซียนด้วยการขยายธุรกิจไปยังตลาดต่างประเทศที่มีศักยภาพสูง โดยประเทศสิงคโปร์ถือเป็นตลาดยุทธศาสตร์สำคัญ เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคให้ความสำคัญกับอาหารที่มีคุณภาพและความปลอดภัยสูง นอกจากนี้นโยบายด้านความมั่นคงทางอาหารของรัฐบาลสิงคโปร์ที่ตั้งเป้าผลิตอาหารภายในประเทศให้ได้ 30% ของความต้องการภายในปี 2573 ยังสนับสนุนการเติบโตของผู้ผลิตในประเทศ
เบทาโกร จึงเห็นโอกาสสำคัญในการเข้าซื้อกิจการบริษัท Eggriculture Foods Limited หรือ Eggriculture ผู้ผลิตไข่ไก่ครบวงจรรายใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์ ด้วยงบลงทุนกว่า 1,900 ล้านบาท โดยโครงสร้างของผู้ถือหุ้น เบทาโกรอยู่ที่ 75% และ Radiant Grand International Limited (RGI) อยู่ที่ 25% ทั้งนี้ Eggriculture มีส่วนแบ่งตลาด 20%
ณ สิ้นปีงบประมาณ 2567 อีกทั้งยังมีผลการดำเนินงานในช่วง 3 ปี (2564-2566) อย่างแข็งแกร่ง โดยมีอัตราการเติบโตของรายได้ 27.1% ต่อปี (CAGR) ในปีงบประมาณล่าสุด จึงคาดว่าจะส่งผลกระทบเชิงบวกต่อผลประกอบการรวม (P&L) ในทันที และส่งผลดีต่อการเพิ่มความสามารถทำกำไรโดยรวมของกลุ่มบริษัทเบทาโกรอย่างมีนัยสำคัญ
นายชยธร แต้ไพสิฐพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่ กลุ่มงานกลยุทธ์และนวัตกรรม บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) หรือ “BTG” กล่าวว่า การเข้าซื้อกิจการ Eggriculture ครั้งนี้ เป็นการนำศักยภาพของทั้งสองบริษัทฯ มาผนึกกำลังสร้าง Synergy ในหลายมิติ โดยเบทาโกรจะนำความเชี่ยวชาญและประสบการณ์กว่า 57 ปี ในฐานะผู้นำธุรกิจอาหารและเกษตรอุตสาหกรรมครบวงจรชั้นนำระดับสากล มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานของ Eggriculture ในด้านการจัดการฟาร์ม การพัฒนาสายพันธุ์สัตว์ สูตรอาหารสัตว์ และการใช้เทคโนโลยีทันสมัยเพื่อเพิ่มผลผลิต นอกจากนี้
ยังมุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารให้หลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการและรูปแบบการบริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง พร้อมสร้างความมั่นใจในผลิตภัณฑ์อาหารที่มีคุณภาพและปลอดภัยสูงตามมาตรฐานสากลให้กับผู้บริโภคทุกคน
ขณะที่ Eggriculture ผู้ผลิตไข่ไก่ครบวงจรรายใหญ่ในสิงคโปร์ ซึ่งมีเครือข่ายช่องทางการจัดจำหน่ายที่แข็งแกร่ง ทั้งในช่องทางการขายปลีกสมัยใหม่ (Modern Trade) และช่องทางการบริการอาหาร (HORECA) ครอบคลุมทั้งโรงแรม ร้านอาหาร และบริการจัดเลี้ยง จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แบรนด์สินค้าของเบทาโกรเป็นที่รู้จักและขยายฐานลูกค้าในวงกว้างมากขึ้น
“เบทาโกรเชื่อว่าการสร้าง Synergy กับ Eggriculture ครั้งนี้ จะช่วยเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหารในระดับภูมิภาคอาเซียน ผ่านการส่งมอบอาหารที่มีคุณภาพและมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดให้ผู้บริโภคในประเทศสิงคโปร์
โดยบริษัทฯ คาดการณ์รายได้ในประเทศสิงคโปร์ปี 2568 จะเติบโต 400% เมื่อเทียบกับปี 2567 พร้อมตั้งเป้าก้าวสู่การเป็นผู้นำอุตสาหกรรมอาหารระดับภูมิภาคอาเซียน เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน” นายชยธร กล่าว
มิสเตอร์ หม่า ชิน ชิว, ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท Eggriculture กล่าวว่า “เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเบทาโกร และเป็นโอกาสสำคัญสำหรับ Eggriculture ในการเพิ่มศักยภาพการผลิตไข่ไก่ที่มีคุณภาพสูง ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคสิงคโปร์ที่ต้องการอาหารคุณภาพและความปลอดภัย การที่เบทาโกรมีความรู้เชิงลึกและประสบการณ์ที่หลากหลายในอุตสาหกรรมอาหาร จะช่วยให้เราสามารถเสริมสร้างโครงสร้างห่วงโซ่อุปทานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และตอบสนองต่อนโยบายด้านความมั่นคงทางอาหารของรัฐบาลสิงคโปร์ได้อย่างเต็มรูปแบบ”