ความเคลื่อนไหวราคาหุ้นในกลุ่ม SET50 นับตั้งแต่ต้นปี 68 ถึงวันที่ 23 ม.ค.68 ผ่าน setsmart พบว่า ส่วนใหญ่ราคาหุ้นยังติดลบ มีเพียง 11 บริษัทเท่านั้นที่อยู่ในแดนบวก แต่หากเข้าไปสำรวจฝั่งที่ราคาหุ้นติดลบ พบว่า 5 อันดับแรกที่นักวิเคราะห์ แนะนำ ซื้อ และมองกำไรปี 2568 เติบโต มีความน่าสนใจไม่น้อย แต่จะด้วยสาเหตุอะไรบ้าง Share2Trade หาคำตอบมาให้แล้ว
เริ่มกันที่ GPSC บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุว่า มีมุมมองบวกมากขึ้นต่อแนวโน้มผลประกอบการของ GPSC แม้ว่าจะมีปัจจัยที่น่ากังวล โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นเรื่องการปรับลดค่า Ft แต่มองเห็นปัจจัยบวกหลายประการที่สนับสนุนมุมมองของเรา ดังนี้
1.GPSC ได้เพิ่มสัดส่วนสัญญา gas-linked contractเป็น 72% (จาก 65% ในปี 2567), 2.คาดการณ์ว่าผลกำไรจาก Avaada และ CFXD จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จาก 15% ของผลกำไรในปี 2567 เป็น 40% ในปี 2568
3.คาดว่า XPCL จะกลับมาสร้างผลกำไรประมาณ 500 ล้านบาทต่อปี เพิ่มขึ้นจากประมาณ 200 ล้านบาทในปี 2568 และ 4.คาดว่าผลกระทบจาก Global Minimum Tax จะมีน้อยมาก อย่างไรก็ตาม ได้ปรับลดสมมติฐานค่า Ft ลงมาอยู่ที่ 3.85 บาท (จาก 4.18 บาท) ซึ่งส่งผลให้ประมาณการผลกำไรปี 2568-69 ลดลง 7% และ 6% ตามลำดับ โดยคาดปี 2568 จะมีกำไรสุทธิ 4,340 ล้านบาท เติบโต 6% จากปี 2567 แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 38 บาท
ต่อด้วย PTTGC นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ประเมินปี 2568 เริ่มต้นใหม่ สถานการณ์ค่อยๆ ดีขึ้น แม้อุตสาหกรรมปิโตรเคมียังไม่กลับสู่ภาวะสดใส และบริษัทฯ มีแผนปิดซ่อมบำรุงใหญ่ โรงกลั่น 50 วันช่วงเดือนต.ค. – พ.ย.
อย่างไรก็ตามมองว่าสถานการณ์จะค่อยๆ ดีขึ้นจากปี 2567 เพราะ 1. PTTGC ได้ปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต ช่วยลดภาระขาดทุนจาก Vencorex และ PTT Asahi ราว 4-5 พันล้านบาท/ปี และไม่มีการด้อยค่าสินทรัพย์จำนวนมาก
2. ทิศทาง Spread ปิโตรเคมี ค่อยๆ ดีขึ้น 3.ปริมาณวัตถุดิบ Ethane เพิ่มขึ้นช่วยสร้างความได้เปรียบด้านต้นทุน 4. รับรู้ประโยชน์ จากการกลับมาใช้งานท่อ SPM เต็มปี (ลดค่าใช้จ่าย 1.8 พันล้านบาท/ปี) ดังนั้นจึงคงประมาณการปี 2568 พลิกเป็นกำไร 1.2 พันล้านบาท นอกจากนี้ ยังมี Upside จากรายการพิเศษหาก PTTGC สามารถหาเจ้าของ ใหม่ Vencorex ในไทย และสหรัฐฯ ได้ โดยแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 28 บาท
ขณะที่ GLOBAL นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า อัพเกรด GLOBAL เป็น ซื้อขณะที่คงราคาเป้าหมายไว้ที่ 16 บาท เนื่องจากราคาหุ้นมีการปรับฐานลึกเกินไป ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
โดย คาดการณ์ว่า SSSG จะอยู่ที่ 2% ในปี 2568 ได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของการบริโภคโดยรวม นอกจากนี้ยังคำนึงถึงร้านค้าใหม่ 7 แห่งในปี 2568 เป็น 97 แห่ง โดยรวมแล้วคาดว่ารายได้จะเติบโต 8% ในปี 2568 เป็น 3.56 หมื่นล้านบาท และกำไรหลักจะอยู่ที่ 2.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% จากปีก่อน
ส่วน COM7 นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แนะนำ “ซื้อ” COM7 ราคาเป้าหมาย 29.50 บาท โดยในส่วนของปี 2568 คาดกำไรปี 68 จะอยู่ที่ 3,652 ล้านบาท เติบโต 14% โดยราคาหุ้นที่ปรับลดลง เมื่อวันที่ 13 ม.ค. มาจากประเด็นปัญหาด้านข้อมูลส่วนตัวของสมาร์ทโฟน Oppo และ Realme
อย่างไรก็ดี มองว่าประเด็นนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อแนวโน้มการเติบโตของ COM7 และ COM7 เป็นผู้ค้าปลีกสมาร์ทโฟนชั้นนำที่จำหน่ายสินค้าทุกแบรนด์ โดยสินค้าของ Apple คิดเป็นประมาณ 50% ของรายได้ในแต่ละปี
สุดท้าย WHA นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า WHA จะได้รับการสนับสนุนจาก Bank of China (Thailand) เพื่อให้บริการทางการเงินแบบครบวงจรแก่นักลงทุนชาวจีนในประเทศไทย บริษัทฯ ได้รับ IRC จำนวน 2 โครงการสำหรับ WHA Industrial Zone 2 – Nghe An (phase 1) และ WHA Smart Technology Industrial Zone 1 Phase 1 ใน Thanh Hoa รวมพื้นที่ 361.5 เฮกตาร์/2,259 ไร่ ซึ่งจะช่วยเพิ่มยอดขายที่ดินในปีนี้และการโอนในปีหน้า
นอกจากนี้ ยังมีโครงการเพิ่มเติมอีก 4 โครงการใน Thanh Hoa ได้แก่ WHA Smart Technology Industrial Zone 2, Long Duy Giang Industrial Zone, Long Cong Thanh Industrial Zone และ Logistics Service Zone พื้นที่ทั้งหมด 950-1,050 เฮกตาร์ / 5,938-6,563 ไร่ โครงการเหล่านี้จะสนับสนุนยอดขายที่ดินให้บรรลุเป้าหมายที่เราคาดการณ์ไว้ที่ 2,500 ไร่ในปีนี้ คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 6.40 บาท โดยคาดปีนี้จะมีกำไรสุทธิ 4,983 ล้านบาท เติบโต 7.8% จากปีก่อน