Talk of The Town

โบรกฯ ระแวง OSP มีค่าใช้จ่ายพิเศษ ต้องบันทึกในงบไตรมาส 4/67 กว่า 120 ลบ. แถมเจอแรงกดดันตลาดเครื่องดื่มแข่งขันดุ


29 มกราคม 2568

รายงานความเคลื่อนไหวราคาหุ้นบริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP ในช่วงปิดตลาดวันที่ 28 ม.ค. 68 ได้ปรับตัวลดลงกว่า 10.85% มาอยู่ที่ 18.90 บาท ด้านนักวิเคราะห์คาดตลาดกังวลบักทึกค่าใช้จ่ายกว่า 120 ล้านบาท ฉุดกำไรไตรมาส 4/67  

โบรกฯ ระแวง OSP_S2T (เว็บ) copy_0.jpg

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) ให้มุมมองต่อราคาหุ้น OSP วานนี้ที่ปรับตัวลดลง เชื่อว่าสาเหตุมาจากค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้น 2 รายการ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 120 ล้านบาท ซึ่งมาจากการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ไม่ใช่เงินสดจากธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลังในเมียนมาร์ เนื่องจากค่าเงินจ๊าดเมียนมาร์ที่อ่อนค่าลงและค่าใช้จ่ายด้อยค่าที่เกี่ยวข้องกับการยุติธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลังในยุโรป

โดยหากไม่รวมค่าใช้จ่ายที่ไม่เกี่ยวกับการดำเนินงานเหล่านี้ คาดว่ากำไรสุทธิไตรมาส 4/67 จะอยู่ที่ 720 ล้านบาท  (เพิ่มขึ้น 21% จากช่วงเดียวกันและเพิ่มขึ้น 7% จากไตรมาสก่อน จากส่วนแบ่งตลาดที่เพิ่มขึ้นแข็งแกร่งในเมียนมาร์ การเติบโตของตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคลในประเทศของไทย และการประหยัดต้นทุน ช่วยชดเชยส่วนแบ่งตลาดเครื่องดื่มชูกำลังที่ลดลงในไทย

ขณะเดียวกันยอดขายเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศลดลงอย่างไม่คาดคิด โดยเฉพาะในภูมิภาคที่ OSP ครองส่วนแบ่งตลาดเช่น ภาคเหนือ เนื่องจากผลิตภัณฑ์ของ CBG ราคา 10 บาทต่อขวด ได้รับความนิยมมากขึ้น OSP จึงมีแผนจะเปิดตัวเครื่องดื่มชูกำลังรุ่นใหม่ที่มีราคาถูกกว่าในราคา 10 บาท เพื่อแข่งขันกับกลยุทธ์การกำหนดราคาของ CBG 

โดยจะเข้ามาแทนที่เครื่องดื่มหลักที่ราคา 12 บาทต่อขวดในตลาดที่อ่อนแอ เชื่อว่าตลาดมองว่าการเคลื่อนไหวครั้งนี้อาจส่งผลกระทบต่อผลิตภัณฑ์หลักราคา 12 บาทของ OSP ส่งผลให้กำไรเฉลี่ยลดลงและทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับสงครามราคาที่อาจเกิดขึ้นกับ CBG

ขณะที่ราคาหุ้น CBG ที่ปรับตัวลดลง 5% หลัง เนื่องจากตลาดหวั่นว่าเครื่องดื่มชูกำลังราคา 10 บาทใหม่ของ OSP อาจกดดันยอดขาย CBG ทำให้แฟน M-150 รุ่นเก่าบางส่วนอาจหันกลับมาใช้ผลิตภัณฑ์ของ OSP อีกครั้ง

ทั้งนี้ เชื่อว่า OSP ยังคงมุ่งเน้นที่การรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดมากกว่าการรุกตลาดใหม่ บริษัทย้ำจุดยืนเดิมที่จะคงราคาขายผลิตภัณฑ์หลักที่ 12 บาทต่อขวด เนื่องจากมีอัตรากำไรที่สูงกว่าอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์ราคา 10 บาท OSP เน้นย้ำว่าการลดราคาอย่างรวดเร็วอาจส่งผลเสียต่อธุรกิจของบริษัทโดยทำให้ความเชื่อมั่นของผู้จัดจำหน่ายที่มีต่อกลุ่มผลิตภัณฑ์ของตนลดลง ผลตอบแทนทางธุรกิจโดยรวมลดลง และจำกัดโอกาสทางการตลาดและการส่งเสริมการขาย

โดย OSP มีแนวโน้มที่จะเปิดตัวเวอร์ชั่นราคา 10 บาท เฉพาะในพื้นที่ที่มียอดขายต่ำเป็นพิเศษ เพื่อลดผลกระทบต่อผลกำไรโดยรวมให้เหลือน้อยที่สุด ส่วน CBG มุ่งมั่นที่จะรักษากลยุทธ์ส่วนแบ่งการตลาดต้นทุนต่ำ เน้นที่ความสามารถในการซื้อและความมุ่งมั่นที่จะอยู่กับผู้บริโภคในช่วงเวลาที่ท้าทาย แทนที่จะพึ่งพาโปรโมชั่นมากเกินไปซึ่งอาจกัดกร่อนอัตรากำไรของบริษัท

ด้านนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ให้มุมมองว่าราคาหุ้นตอบรับเชิงลบจากประเด็นแนวโน้มการแข่งขันที่ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังที่อาจสูงขึ้น จากการกลับมารุกขายเครื่องดื่ม 10 บาทของ OSP 

อย่างไรก็ตาม เราคาดแนวโน้มการเติบโตปี 2568 ของ OSP ยังเติบโตได้ต่อจากการเน้นขยายสินค้ากลุ่ม Premium Segment อื่น และธุรกิจต่างประเทศ

สำหรับ ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายบน P/E เพียง 17 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตอย่างมีนัยสำคัญ สะท้อนปัจจัยกดดันไปมากแล้ว คงราคาเหมาะสม ที่ 30 บาท คงคำแนะนำ “ซื้อ ” สำหรับการลงทุนระยะยาว

OSP