Talk of The Town

TCAP -คลัง-กองทุนวายุภักษ์ ยิ้ม! TTB เปิดซื้อหุ้นคืนดันมูลค่าหุ้นพุ่ง โบรกฯคาดยิลด์ปันผลสูง ลุ้นราคายืน 2 บ.


29 มกราคม 2568

ตามที่ ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) TTB ประกาศโครงการซื้อหุ้นคืน งบประมาณไม่เกิน 21,000 ล้านบาท เป็นเวลา 3 ปี (ปี 68-70) โดยการซื้อหุ้นคืนครั้งแรกในปี 68 จะใช้งบประมาณ ไม่เกิน 7,000 ล้านบาท ซื้อคืนไม่เกิน 3.5 ล้านหุ้น (ไม่เกิน 3.6% ของหุ้นที่ชําระแล้ว) ในช่วง 3 ก.พ.-1 ส.ค. 68

TCAP-คลัง-กองทุนวายุภักษ์ ยิ้ม_S2T (เว็บ) copy_0.jpg

ทั้งนี้ การซื้อหุ้นคืน ผู้ถือหุ้นจะได้รับประโยชน์จากการเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) และอัตรา กําไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ตามการลดลงของมูลค่าทางบัญชีในส่วนของผู้ถือหุ้นและการลดลงของจํานวนหุ้นที่หมุนเวียนในตลาด หลักทรัพย์ เทียบกับระดับ ROE ในปัจจุบัน ณ สิ้นปี 67 ที่ 9.0% และ EPS ที่ 0.22 บาท ขณะที่ประเมินว่าอัตราส่วนเงินกองทุน ภายหลังการซื้อหุ้นคืนในปี 68 ดังกล่าวจะอยู่ในระดับที่สูงกว่า 19% ยังคงอยู่ในระดับสูง และเพียงพอต่อการเติบโตสินเชื่อตาม แผนธุรกิจ

ทั้งนี้ จากการสำรวจข้อมูลโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ TTB ล่าสุด พบว่า บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน)TCAP ถือหุ้น 23,782,833,043 หุ้นคิดเป็น 24.42% รองลงมา ING BANK N.V. ถือหุ้น 22,190,033,791หุ้นคิดเป็น 22.78 % กระทรวงการคลัง     ถือหุ้น 11,364,282,005หุ้นคิดเป็น 11.67% กองทุนรวม วายุภักษ์หนึ่ง ถือหุ้น 6,673,600,000 หุ้น คิดเป็น 6.85% กองทุนรวม วายุภักษ์หนึ่ง โดย บลจ.กรุงไทย จำกัด (มหาชน)ถือหุ้น 1,687,009,408 หุ้นคิดเป็น 1.73%และกองทุนรวม วายุภักษ์หนึ่ง โดย บลจ.เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน)ถือหุ้น 1,687,009,407 หุ้นคิดเป็น 1.73% เป็นต้น

โดยบล.เคจีไอ ระบุว่าแนะนำ ซื้อหุ้น TTB ราคาเป้าหมาย 2.30 บาทเนื่องจาก ROE ที่เพิ่มขึ้นช่วยหนุนมูลค่าหุ้น และปรับประมาณการกำไรปี 2568 และ ราคาเป้าหมายปี 2568 พร้อมทั้งปรับเพิ่มคำแนะนำ โดยประเมินว่า ตั้งงบซื้อหุ้นคืน 2.1 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะช่วยหนุน ROE และ PBV

ทั้งนี้ได้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2568 ขึ้นอีก 3%, ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายปี 2568F เป็น 2.3 บาท และ ปรับเพิ่มคำแนะนำเป็นซื้อ เราปรับประมาณการกำไรเพื่อสะท้อนถึง 1.) NIM ที่เพิ่มขึ้น 20bps เป็น 3.24% และ 2.) การปรับลดอัตราการขยายตัวของสินเชื่อลงเหลือ 0.2% (จาก 2.5%) นอกจากนี้ เรายัง re-rate PBV เป็น 0.9x (จาก 0.85x) เพื่อสะท้อนถึง ROE ที่สูงเกิน 10% ทำให้ได้ราคาเป้าหมายปี 2568 ใหม่ที่ 2.3 บาท (จากเดิม 2.16 บาท) เราจึงปรับเพิ่มคำแนะนำจากถือเป็นซื้อ

สอดคล้อง บล.กรุงศรี แนะนำ ซื้อ TTB  ที่ราคาเป้าหมาย 2.2 บาท โดยมีมุมมอง slightly positive ต่อข่าวโครงการซื้อหุ้นคืน เพราะเราประเมินราคาที่ซื้อคืนเฉลี่ยเบื้องต้นที่ 2.0 บ. สูงกว่าราคาตลาดที่ 1.91 บ. ทั้งนี้เรามองว่าไม่กระทบต่อปัจจัยพื้นฐานอย่างมีนัยสำคัญ

ดังนั้นเราคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2568 คาดที่ 2.13 หมื่นลบ. เพิ่มขึ้น +1% จากปีก่อน ภาพรวมเราชอบ TTB เพราะ มีผลประโยชน์ทางภาษีเหลือจำนวน 1.06 หมื่นลบ. ณ 67 (สามารถใช้ได้ถึงปี2028) และการตั้งสำรองน้อยลง คาดช่วยหนุนกำไรสุทธิในช่วง2025-26F ประกอบกับปันผลสูง dividend yield คาด 6-7% ต่อปีโดย ครึ่งหลังปี 67 คาดที่ 0.064 บ./หุ้น (yield ที่ 3.3%)

ขณะที่บล.บัวหลวง :TTB แนะนำถือรับปันผลราว 7% ต่อปี โดย ประเด็นสำคัญจากการประชุมนักวิเคราะห์ ภาพรวมเป้าหมายทางการเงินปี 2025 สอดคล้องกับประมาณการของเรา อาทิ สินเชื่อเติบโตไม่เกิน 2% YoY, NIM ในกรอบ 3.1-3.25%, cost/income ratio โดยภาพรวมธุรกิจปี 68 ยังสอดคล้องกับประมาณการของเรา เราแนะนำถือรับปันผลราว 7% ต่อปี