จับประเด็นหุ้นเด่น

รายงานพิเศษ : LEO ปักธงรายได้ปี 68 โต 20-25% เดินเกมรุกยุทธศาสตร์ LEO Go Green พร้อมแรงหนุนรัฐดันไทยศูนย์กลางขนส่งในภูมิภาค


30 มกราคม 2568
กลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์ เป็น 1 ใน 5 กลุ่มที่รัฐบาลให้ความสำคัญผลักกันเป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายในการพัฒนาสร้างการเติบโตและสนับสนุนให้ไทยเป็นศูนย์กลางการขนส่งในภูมิภาค  ซึ่งสอดคล้องกับหนึ่งในผู้นำธุรกิจอย่าง บมจ.ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์  (LEO) ที่ปี68  วางยุทธศาสตร์ LEO Go Green   หนุนรายได้โต 20-25%  

รายงานพิเศษ LEO ปักธงรายได้ปี 68 โต 20-25__0.jpg

การเข้าร่วมประชุม World Economic Forum ประจำปี 2568 ของนายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร มีกำหนดการพบหารือกับผู้บริหารระดับสูงจากภาคเอกชนชั้นนำใน 5 กลุ่มอุตสาหกรรม ซึ่งรวมถึงอุตสาหกรรมการขนส่ง  ได้แก่ บริษัท DP World   เป็นกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ระดับโลก ที่ประกอบกิจการด้านการท่าเรือและอาคารผู้โดยสารต่าง ๆ รวมทั้งเทคโนโลยีการให้บริการด้านการเดินเรือทะเล และโลจิสติกส์ ที่มีสาขาธุรกิจทั่วโลกมากกว่า 500 แห่งใน 75 ประเทศ และมีพนักงานมากกว่า 1 แสนคน
         
เพื่อหาโอกาสการลงทุน และการเปลี่ยนแปลงให้ไทยเป็นโลจิสติกส์ฮับ และศูนย์กลางการขนส่งในภูมิภาคนี้  เนื่องจากประเทศไทยตั้งอยู่ในภูมิศาสตร์ที่มีศักยภาพในด้านโลจิสติกส์  เพราะอยู่ระหว่าง 2 คาบมหาสมุทร คือมหาสมุทรอินเดีย และอ่าวไทย  

ซึ่งกระตุ้นการดำเนินธุรกิจของ บมจ.ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์  (LEO) โดยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “เกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์” ย้ำแผนการดำเนินงานในปี 2568  บริษัทยังเดินตามแผนยุทธศาสตร์ LEO Go Green  ซึ่งคาดว่าจะทำให้บริษัทฯ สามารถสร้างการเติบโตกำไรขั้นต้นและผลประกอบการให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 20-25%  โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการรับรู้รายได้จากหน่วยธุรกิจใหม่ๆ (New Business Units)เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่น 

โครงการ Self-Storage และ Wine Storage สาขา ถนนพระราม 4 รวมถึงโครงการอื่นๆ ที่ได้มีการจัดตั้งในช่วงที่ผ่านมา ได้แก่ การขนส่งทางรางไปยังประเทศจีน-ลาว ของบริษัทLaneXang Expressการขนส่งสินค้าทางรางภายในประเทศของบริษัทSritrang LEO Multimodal Logisticsการให้บริการศูนย์โลจิสติกส์และกระจายสินค้าของบริษัท Advantis LEO และการส่งออกสินค้าทุเรียนไปยังประเทศจีนจากบริษัทLEO Sourcing & Supply Chain 

ซึ่งบริษัทดังกล่าวเหล่านี้จะทำให้เกิดรายได้เพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และเป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ของบริษัทฯ ในการเพิ่มรายได้จากธุรกิจ Non-Freight และ Non-Logistics ให้เติบโตอย่างต่อเนื่องและมีสัดส่วนของรายได้มาเป็น 30-35% จากยอดรวมของบริษัทฯ ใน 1-2 ปีข้างหน้า รวมถึงโครงการJVและM&Aอีกหลายโครงการที่อยู่ในแผนธุรกิจในปี2568

LEO เชื่อมั่นว่า ปี 2568 รายได้และกำไรขั้นต้นของบริษัทจะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นมาจากการขนส่งสินค้าทางรถไฟระหว่างประเทศไทยกับจีน รวมทั้งธุรกิจของ Non - Logistics Business จะมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดแน่นอน นายเกตติวิทย์ กล่าว

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LEO กล่าวเพิ่มเติมว่า หนึ่งในแผนการสำคัญของ LEO ในปี 2568 คือการพัฒนาระบบขนส่งรถไฟจีน-ไทย ด้วยตู้Reefer Containersให้เป็นระบบแบบขนส่งRound tripมีสินค้าขาไปและขากลับ ระหว่างประเทศจีน-ไทย โดยLEOจะเป็นผู้จัดหาสินค้าส่งออกจากประเทศไทยมายังจีน และทางฝ่ายจีนก็จะช่วยหาสินค้าส่งออกจากประเทศจีนกลับมายังประเทศไทย 

โดยLEOมีความเชี่ยวชาญในการให้บริการEnd-to-End Global Logistics Service Providerและเครือข่ายของLaneXang Expressในประเทศจีนและไทยจะสามารถช่วยยกระดับการให้บริการเข้าสู่มาตรฐานสากล ผลักดันให้การขนส่งสินค้าทางรถไฟระหว่างจีน-ไทย ให้ประสบความสำเร็จ และสามารถลดต้นทุนค่าขนส่งให้กับผู้ส่งออกและนำเข้าทั้งในประเทศไทยและจีน

“บริษัทฯ มุ่งมั่นให้ความสำคัญกับกิจกรรมและบริการโลจิสติกส์ที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืน เพื่อตอบสนองต่อวิสัยทัศน์ด้านสิ่งแวดล้อมของLEOจึงได้ประกาศแผนกลยุทธ์ที่พร้อมส่งมอบบริการโลจิสติกส์ภายใต้คอนเซ็ปต์ LEO Go Greenสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในฐานะผู้นำด้านการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์อย่างแท้จริง” นายเกตติวิทย์ กล่าว
LEO