SCC ตั้งเป้าปี 68 จะมี EBITDA มากกว่าระดับ 5.4 หมื่นล้านบาท หลังธุรกิจซีเมนต์โต-กำไรปิโตรฯเริ่มฟื้น
นาย ธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) หรือ SCC เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าปี 2568 จะมีกระแสเงินสดที่ได้จากการดำเนินงาน (EBITDA) มากกว่าระดับ 54,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นมาจากการที่ธุรกิจซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างไม่ได้รับผลกระทบจากการเบิกจ่ายงบประมาณล่าช้าเหมือนในปีที่ผ่านมา
ประกอบกับธุรกิจปิโตรเคมีจะมีทิศทางที่ดีขึ้น จากต้นทุนด้านราคาน้ำมันที่คาดการณ์ว่าจะลดลง ซึ่งจะช่วยหนุนในอัตรากำไรของธุรกิจเพิ่มขึ้น รวมถึงภาพรวมของเศรษฐกิจในประเทศเวียดนาม และอินโดนีเซียที่มีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 6-8% ซึ่งได้แรงสนับสนุนจากกำลังซื้อในประเทศที่ได้รับแรงหนุนจากนโยบายภาครัฐ
โดยในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้มีการจัดการภายในองค์กรเพื่อเป็นการช่วยเพิ่มกระแสเงินสดให้กับบริษัท ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาสามารถทำได้แล้วกว่า 16,000 ล้านบาท ซึ่งทำให้บริษัทมีกระแสเงินสดที่เพิ่มมากขึ้น และจากนั้นสามารถนำเงินไปชำระหนี้ และนำมาจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้น
รวมถึงในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้ดำเนินการปิดกิจการธุรกิจที่ไม่สร้างผลกำไรให้กับบริษัท ซึ่งทำให้บริษัทมีกระแสเงินสดเพิ่มเข้ามาจากส่วนดังกล่าวประมาณ 1,600 ล้านบาทในช่วงที่ผ่านมา ขณะเดียวกันเบื้องต้นยังไม่สามารถบอกได้ว่าในปี 2568 จะมีธุรกิจที่ไม่สามารถผลกำไรให้บริษัทอีกหรือไม่
ขณะเดียวในปี 2568 บริษัทจะใช้เงินลงทุนประมาณ 30,000-35,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นเป็นการกระจายการลงทุนในทุกกลุ่มธุรกิจ ได้แก่การซ่อมบำรุงเครื่องจักร และการใส่เงินลงทุนเพิ่มเติมในโครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ที่ประเทศเวียดนาม และมองหาโอกาสการลงทุนในกลุ่มธุรกิจใหม่ที่จะช่วยสร้างผลกำไรให้กับบริษัท
นอกจากนี้ ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้มีการศึกษาแผนการซื้อหุ้นคืน แต่อย่างไรก็ตามบริษัทมองว่าจากกรณีที่บริษัทมีกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง และนำมาจ่ายเป็นเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นถือว่าจะเป็นประโยชน์ให้กับผู้ถือหุ้นได้ดีกว่า และยืนยันว่าบริษัทจะจ่ายปันผลดูแลผู้ถือหุ้นอย่างต่อเนื่อง
แต่อย่างไรก็ตามเบื้องต้นไม่สามารถประเมินได้ว่าในปี 2568 จะมีอัตราการจ่ายเงินปันผลในระดับ 95% เหมือนในปี 2567 หรือไม่ เพราะจะต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์
ทั้งนี้ ล่าสุด เอสซีจี เร่งเดินหน้าโครงการ LSP ด้วยการเพิ่มวัตถุดิบก๊าซอีเทน ที่ช่วยลดต้นทุน และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันระยะยาว โดยได้ทำสัญญาจัดหาวัตถุดิบก๊าซอีเทนในระยะยาวเป็นผลสำเร็จ ประมาณ 1 ล้านตันต่อปี เป็นระยะเวลา 15 ปี และเช่าเหมาเรือขนส่งก๊าซอีเทนระยะยาวอีก 3 ลำ ซึ่งบริษัทจะเร่งจัดหาเรือในส่วนที่เหลืออีก 2 ลำ พร้อมทั้งสร้างถังกักเก็บและปรับปรุงโรงงานให้พร้อม รับก๊าซอีเทนให้ได้ภายในปี 2570 โดยโครงการนี้จะใช้แหล่งเงินทุนภายในเอสซีจี
“ยืนยันความแข็งแกร่งกระแสเงินสด ถ้าเงินสดเข็มแข็งก็ลดหนี้ได้ จ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นได้ต่อเนื่อง ด้านธุรกิจซีเมนต์ และวัสดุก่อสร้างแนวโน้มกำไรเพิ่มจากงานโครงการภาครัฐ ขณะที่ในเวียดนามขยับตัวจะดีขึ้น และเรื่องปูนคาร์บอนต่ำจะช่วยสร้างเพิ่มความเข็มแข็ง และขายปูนซีเมนต์ในสหรัฐ ที่เราใช้นวัตกรรมเข้ามาช่วย ด้านแนวโน้มแพ็คเกจจิ้งเริ่มฟื้นโดยเฉพาะที่อินโดนีเซีย สำหรับเรื่องเคมีคอลส์ความเสี่ยงด้านราคาต้นทุนลดต่ำลงจากราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มจะลดลง การเงินปรับปรุงประสิทธิภาพทั้งองค์กรการลดหนี้ และการปิดกิจการที่ทำไปได้แล้วกว่า 1,600 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยให้กระแสเงินสดของบริษัทดีขึ้นแน่นอน” นาย ธรรมศักดิ์ กล่าว