รายงานพิเศษ : TEGH รับผลบวกโอกาสของธุรกิจ เมื่อสินค้าเกษตรวัตถุดิบ “ไฟฟ้าชีวมวล” ช่วยหนุนพลังงานสะอาดไทยแข็งแกร่ง
กสิกรไทยมองแนวโน้มธุรกิจพลังงานสะอาดในไทยเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะไฟฟ้าชีวมวล ผลจากไทยเป็นประเทศเกษตรกรรมมีความพร้อมด้านวัตถุดิบ หนุนนโยบาย บมจ.ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (TEGH) เล็งดันบริษัทลูกเข้าระดมทุนในตลาดหุ้น
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองในปี 2568 แนวโน้มธุรกิจไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในไทยมีความต้องการรับซื้อเพิ่มสูงขึ้นทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชน โดยไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนที่ผู้ประกอบการจำหน่ายมากที่สุด ได้แก่ ไฟฟ้าชีวมวลและแสงอาทิตย์ มีสัดส่วนรวมกันเป็น 78% ของไฟฟ้าที่จำหน่ายให้ภาครัฐ และ 96% ของไฟฟ้าที่จำหน่ายให้ภาคเอกชน
ปริมาณไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนที่ขายให้ภาครัฐคาดว่าจะอยู่ที่ 23,555 GWh เพิ่มขึ้น 2% จากการส่งเสริมทางด้านนโยบายภาครัฐ โดยจะมีโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนที่เริ่มจ่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบเพิ่มเติมรวมเป็นจำนวน 226.9 MW จากปริมาณขายตามสัญญา ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 8 แห่ง และโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ 3 แห่ง
ส่วนปริมาณไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนที่ขายให้ภาคเอกชนคาดว่าจะอยู่ที่ 4,177 GWh เพิ่มขึ้น 15% เติบโตจากกฎระเบียบทางการค้าที่เข้มงวดมากขึ้น เช่น มาตรการเก็บภาษีคาร์บอนข้ามพรมแดนจากยุโรป (CBAM1) ทำให้ภาคอุตสาหกรรมต้องปรับตัวมาใช้พลังงานสะอาดมากขึ้น นอกจากนี้การลงทุนที่เพิ่มมากขึ้นจากองค์กรเอกชนในโครงการ RE1002 ซึ่งรวมถึงธุรกิจศูนย์ข้อมูล (Data Center) ก็มีส่วนผลักดันให้การใช้พลังงานสะอาดเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ปีนี้คาดว่าโรงไฟฟ้าชีวมวลจะมีรายได้เพิ่มขึ้นทั้งจากการขายให้ภาครัฐและเอกชน รวมทั้งอัตรากำไรขั้นต้นก็มีแนวโน้มเติบโต ขณะเดียวกันธุรกิจไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ รายได้ต่อหน่วยในการขายไฟให้ภาครัฐจะขึ้นอยู่กับราคารับซื้อซึ่งมีแนวโน้มลดลง ขณะที่รายได้รวมจากการขายไฟให้ภาคเอกชนมีแนวโน้มขยายตัวตามความต้องการที่เพิ่มขึ้น
นอกเหนือจากนี้จะเป็นไฟฟ้าจากพลังงานลม ขยะ และก๊าซชีวภาพ โดยรวมกันคิดเป็น 22% และ 4% ของไฟฟ้าที่จำหน่ายให้ภาครัฐ และเอกชนตามลำดับ
กลุ่มธุรกิจไฟฟ้าชีวมวลยังคงถูกใช้ในการผลิตไฟฟ้ามากที่สุด เนื่องจากมีความเสถียรและยืดหยุ่นด้านการผลิตมากกว่าเชื้อเพลิงหมุนเวียนประเภทอื่น ๆ รวมถึงยังมีความพร้อมทางด้านวัตถุดิบ เพราะประเทศไทยเป็นแหล่งผลิตสินค้าเกษตร ขณะเดียวกันพลังงานแสงอาทิตย์ก็มีแนวโน้มเติบโตอย่างมากตามเป้าหมายในร่าง AEDP3 พ.ศ.2567-2580 ที่ตั้งเป้าให้ 68% ของไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในปี 2580 มาจากพลังงานแสงอาทิตย์
ภาพรวมรายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนยังคงเติบโต โดยได้รับอิทธิพลหลักมาจากไฟฟ้าชีวมวลและแสงอาทิตย์ เนื่องจากเป็นสัดส่วนหลักของไฟฟ้าที่จำหน่ายในตลาดพลังงานหมุนเวียนทั้งภาครัฐและเอกชน
โดยรายได้รวมจากการขายไฟฟ้าชีวมวลมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามความต้องการที่เติบโตทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชน โดยคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.9% และ 6.5% นอกจากนั้นอัตรากำไรขั้นต้นก็มีแนวโน้มขยายตัวจากต้นทุนที่คาดว่าจะลดลงตามปริมาณเชื้อเพลิงชีวมวลในตลาดที่เพิ่มขึ้น ซึ่งในปีนี้อัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมพืชเกษตร คาดว่าจะเพิ่มขึ้นราว 2.6-3.6% อย่างไรก็ตาม ชานอ้อยซึ่งเป็นหนึ่งในเชื้อเพลิงชีวมวลหลักมักถูกใช้ในโรงไฟฟ้าที่ตั้งโดยบริษัทน้ำตาลเอง ทำให้ผู้ประกอบการต้องใช้วัตถุดิบทางการเกษตรอื่น ๆ เช่น แกลบ และซังข้าวโพด
หลากหลายปัจจัยที่สนับสนุนความต้องการพลังงานไฟฟ้าชีวมวล ส่งผลดีต่อแนวทางการขยายธุรกิจของ บมจ.ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (TEGH) โดยนายวงศ์กฤษณ์ เจียมศรีพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ด้านกลยุทธ์องค์กร TEGH ระบ บริษัทเตรียม Spin-off บริษัท ไทยอีสเทิร์น ไบโอพาวเวอร์ จำกัด (TEBP) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ TEGH เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในไตรมาส 4/68 โดยคาดว่าจะยื่นแบบไฟลิ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ช่วงกลางปี 68 และคาดว่าจะนำหุ้นเข้าซื้อขายภายในปลายปีนี้
ซึ่ง TEBP ได้เริ่มส่งมอบก๊าซชีวภาพ (ไบโอแก๊ส) ให้ บมจ.โกลบอลกรีนเคมิคอล (GGC) แล้วในช่วงเดือนธ.ค. 67 ที่ผ่านมา และปีนี้จะขยายเพิ่มเพื่อใช้ภายใน และส่งมอบให้กับ GGC ตามสัญญา 7 ปี และส่งออก ซึ่งปัจจุบันมีลูกค้าหลายรายที่มีความสนใจ จึงต้องมีการลงทุนเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากมีความต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในการขนส่งไบโอแก๊ส นอกจากนี้บริษัทยังรับกำจัดขยะอินทรีย์ (Organic waste) ของโรงงานข้างนอก เพื่อนำมาผลิตเป็นไบโอแก๊สและใช้ปั่นไฟ โดยจะรับรู้รายได้เป็นการบริการจัดการกากอินทรีย์