เปิดรายชื่อหุ้นหลบภัย ไม่หวั่นแม้ภาวะตลาดตกต่ำ มองยอดจำนำหุ้น ลดลงต่อเนื่องใน 3 ปี
ตลาดหุ้นไทยผันผวนต่อเนื่อง เปิดการซื้อขายวันแรกของเดือนก.พ.68 นักลงทุนแพนิคหนัก! เจอแรงขายทำให้หุ้นไทยดิ่งมากกว่า 40 จุด แต่นักวิเคราะห์มองช่วงเดือน ก.พ. ของทุกปีเป็นช่วงฤดูกาลประกาศผลประกอบการและการจ่ายเงินปันผลประจำปีทำให้มีแรงซื้อเก็งกำไรหุ้นงบดีและหุ้นปันผลในระยะสั้น แถมมอง SET Index เดือน ก.พ. มักปรับตัวขึ้นอีก
นักวิเคราะห์บริษัท หลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด มีมุมมองว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยตกต่ำจากกระบวนการ Derate และ Deleverage ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มองใกล้สุกงอม จากการตรวจสอบระดับ PBV ของตลาดหุ้นไทยโดยรวมถืออยู่ในโซนต่ำบนเส้นแนวโน้ม PBV ระยะยาวที่เคยผ่านวิกฤติมาแล้ว 3 ครั้ง คือ
(1) วิกฤติต้มยำกุ้งปี 1997 (2) วิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ปี 2551 และ (3) วิกฤติโควิดปี 2563 ที่บริเวณ 0.5-0.6 เท่า, 0.8-0.9 เท่า และ 1.1-1.2 เท่าตามลำดับ
นอกจากนี้ ในปัจจุบันมีสัดส่วนหุ้นที่ซื้อขายต่ำกว่า BV (PBV < 1x) จำนวนมากถึง 58% ของหุ้นทั้งหมด 926 ตัวทั้งในตลาด SET และ mai เทียบกับช่วงวิกฤติ 3 ครั้งก่อนที่สัดส่วนนี้อยู่ที่ 60-70%
ภาวะตกต่ำของตลาดนอกจากจะดูได้จากระดับ PBV ในตลาดแล้ว ยังสามารถดูได้จาก มูลค่าการซื้อขายในตลาด ปัจจุบันมูลค่าซื้อขายหุ้นไทยลดลงจากที่ขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่เฉลี่ยวันละ 8.8 หมื่นล้านบาทในปี 2564 มาเหลือเพียงเฉลี่ยวันละ 3.7 หมื่นล้านบาทในเดือนที่แล้ว หรือลดลงเกือบ 60% ขณะที่ Turnover Ratio ก็ลดลงเหลือเพียงประมาณ 20% ต้น ๆ ซึ่งเป็นระดับ -1SD จากค่าเฉลี่ยระยะยาว
นอกจากนี้ตัวชี้วัดสภาพคล่องในตลาดโดยผ่านการกู้ยืมเงินเพื่อซื้อหุ้นหรือการจำนำหุ้นในการค้ำประกันเงินกู้ปรับตัวลดลงต่อเนื่องในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาจากระดับสูงสุดที่มีมูลค่ากว่า 4.14 แสนล้านบาท ลดลงมากกว่า 40% เหลือ 2.44 แสนล้านบาทในปัจจุบัน ซึ่งอยู่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในระยะยาวแล้ว สะท้อนการ Deleverage ของตลาดไปมากพอสมควรแล้ว ดังนั้นเราการถูกบังคับขายจากการปรับตัวลงของราคาหุ้นไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อตลาดอย่างมีนัยสำคัญเหมือนที่ผ่านมาแล้ว
ด้วยช่วงเดือน ก.พ. ของทุกปีเป็นช่วงฤดูกาลประกาศผลประกอบการและการจ่ายเงินปันผลประจำปีทำให้มีแรงซื้อเก็งกำไรหุ้นงบดีและหุ้นปันผลในระยะสั้น จากการศึกษาความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยย้อนหลังตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นมาพบว่า SET Index เดือน ก.พ. มักปรับตัวขึ้นโดยมีระดับความเชื่อมั่นสูงถึง 80% และให้ผลตอบแทนเป็นบวกเฉลี่ย +1.0%
ขณะที่หุ้นปันผลดีมักปรับตัวในทิศทางดีกว่าตลาดในช่วงเวลาดังกล่าวโดยมีความเป็นไปได้สูงถึง 80% ที่จะ Outperform และให้ผลตอบแทนรวมเฉลี่ยดีกว่า SET Index +1.3%
ดังนั้น ในเชิงกลยุทธ์ ให้น้ำหนักกลุ่มที่มีสัญญาณแข็งแกร่งกว่าตลาดในปีนี้ เช่น กลุ่ม BANK และกลุ่ม COMM โดยเน้นที่อยู่ใน SETHD Index ที่มีโอกาสชนะตลาดในระยะสั้น - AP, BBL, KTB, TASCO ผสานกับหุ้นอิงการบริโภคในประเทศที่ได้ประโยชน์จากมาตรการภาครัฐ (E-Receipt-แจกเงินหมื่น-ลดค่าไฟ-ไฮซีซั่นการท่องเที่ยว) และไม่ได้รับผลกระทบจากนโยบายทรัมป์ - BJC, CRC และหุ้นม้ามืดที่อาจถูกหยิบขึ้นมาเก็งกำไรในเดือน ก.พ. จากการจ่ายเงินปันผลที่สูง –KGI
เพราะฉะนั้นหุ้นเด่นที่แนะนำในเดือน ก.พ. คือ AP, BBL, BJC, CRC, KGI, KTB และ TASCO ด้านแนวรับและแนวต้านสำคัญของ SET Index เดือนนี้อยู่ที่ 1,300, 1,270-80 และ 1,340, 1,365-70 จุด ตามลำดับ