ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย จับมือสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) ดึงเงินลงทุนจากต่างประเทศ เน้น 5 อุตสาหกรรมเป้าหมาย คาดปี2570 เงินลงทุนต่างชาติไหลเข้าอาเซียนสูงถึง 3.12 แสนล้านดอลลาร์

นายแซม ชอง กรรมการผู้จัดการ, Head of Foreign Direct Investment Advisory Unit ธนาคารยูโอบี กล่าวว่า ธนาคารฯลงนาม MOU กับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.)เพื่อสนับสนุนการลงทุนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจสำคัญของประเทศ และเสริมสถานะให้ประเทศไทยยังคงเป็นจุดหมายปลายทางชั้นนำสำหรับนักลงทุนต่างชาติ พร้อมช่วยสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาวของประเทศ ผ่านเครือข่ายธนาคารยูโอบี ที่ครอบคลุมทั่วทั้งภูมิภาคอาเซียน
นับตั้งแต่ปี 2563 ธนาคารได้ให้คำปรึกษาและสนับสนุนลูกค้าธนาคารในการลงทุนในประเทศไทยไปแล้วกว่า 450 บริษัท สร้างมูลค่าการลงทุนจากต่างประเทศกว่า 4.5 หมื่นล้านบาท สร้างการจ้างงานกว่า 3.1 หมื่นตำแหน่ง
โดยอุตสาหกรรมที่จะมีการเติบโตได้ดี ได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์ รถยนต์ไฟฟ้า (EV) เนื่องจากจะมีการปรับจากรถยนต์ EV ไปสู่ AD ยานยนต์ไร้คนขับ ถือเป็นอุตสาหกรรมในอนาคต รวมถึงอุตสาหกรรมชีวภาพและพลังงานสีเขียว โดยธนาคารพร้อมจะสนับสนุนลูกค้า ทั้งข้อมูล และการเงิน
ทั้งนี้ในปี 2570 ธนาคารคาดว่าจะมีเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ลงทุนในภูมิภาคอาเซียนราว 3.12 แสนล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ที่ 2.26 แสนล้านดอลลาร์
“ความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยหนุนเม็ดเงินลงทุน FDI ในไทยและภูมิภาคมีมากขึ้น ซึ่งจะก่อให้เกิดการสร้างงาน และการเข้าถึงแหล่งเงินทุน และทำให้นักลงทุนกล้าตัดสินใจในการลงทุนมากขึ้น โดยธนาคารยูโอบีจะเป็นมากกว่าธนาคาร หรือ Beyond Banking”
นายจุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก กล่าวว่า การร่วมมือกับธนาคารยูโอบี สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชน ในการขับเคลื่อนเป้าหมายทางเศรษฐกิจของไทย การดำเนินงานที่แข็งแกร่งของธนาคารยูโอบีในประเทศไทย และเครือข่ายที่ครอบคลุมทั่วทั้งภูมิภาคอาเซียน จะมีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกกับนักลงทุนที่มีศักยภาพ
นอกจากนี้ ความร่วมมือนี้จะช่วยเสริมความสามารถของ สกพอ.ในการเสนอโซลูชั่นทางการเงินแบบครบวงจร ไม่เพียงแต่สำหรับโครงการในประเทศเท่านั้น แต่ยังเชื่อมโยงกับฐานลูกค้าที่หลากหลายและขยายตัวเพิ่มขึ้นของธนาคารยูโอบี โดยทั้ง 2 องค์กรมุ่งมั่นดึงดูดการลงทุนมูลค่าสูงที่ส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืน และสร้างโอกาสให้กับชุมชนในประเทศไทย
“เราเห็นสัญญาณการลงทุนในปีนี้และปีหน้า ในกลุ่มดิจิทัล ดาต้าเซ็นเตอร์ และเซมิคอนดักเตอร์ ดังนั้นไทยจะต้องพยายามดึงดูดเม็ดเงินลงทุนให้ได้” นายจุฬา กล่าว

นายแซม ชอง กรรมการผู้จัดการ, Head of Foreign Direct Investment Advisory Unit ธนาคารยูโอบี กล่าวว่า ธนาคารฯลงนาม MOU กับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.)เพื่อสนับสนุนการลงทุนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจสำคัญของประเทศ และเสริมสถานะให้ประเทศไทยยังคงเป็นจุดหมายปลายทางชั้นนำสำหรับนักลงทุนต่างชาติ พร้อมช่วยสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาวของประเทศ ผ่านเครือข่ายธนาคารยูโอบี ที่ครอบคลุมทั่วทั้งภูมิภาคอาเซียน
นับตั้งแต่ปี 2563 ธนาคารได้ให้คำปรึกษาและสนับสนุนลูกค้าธนาคารในการลงทุนในประเทศไทยไปแล้วกว่า 450 บริษัท สร้างมูลค่าการลงทุนจากต่างประเทศกว่า 4.5 หมื่นล้านบาท สร้างการจ้างงานกว่า 3.1 หมื่นตำแหน่ง
โดยอุตสาหกรรมที่จะมีการเติบโตได้ดี ได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์ รถยนต์ไฟฟ้า (EV) เนื่องจากจะมีการปรับจากรถยนต์ EV ไปสู่ AD ยานยนต์ไร้คนขับ ถือเป็นอุตสาหกรรมในอนาคต รวมถึงอุตสาหกรรมชีวภาพและพลังงานสีเขียว โดยธนาคารพร้อมจะสนับสนุนลูกค้า ทั้งข้อมูล และการเงิน
ทั้งนี้ในปี 2570 ธนาคารคาดว่าจะมีเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ลงทุนในภูมิภาคอาเซียนราว 3.12 แสนล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ที่ 2.26 แสนล้านดอลลาร์
“ความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยหนุนเม็ดเงินลงทุน FDI ในไทยและภูมิภาคมีมากขึ้น ซึ่งจะก่อให้เกิดการสร้างงาน และการเข้าถึงแหล่งเงินทุน และทำให้นักลงทุนกล้าตัดสินใจในการลงทุนมากขึ้น โดยธนาคารยูโอบีจะเป็นมากกว่าธนาคาร หรือ Beyond Banking”
นายจุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก กล่าวว่า การร่วมมือกับธนาคารยูโอบี สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชน ในการขับเคลื่อนเป้าหมายทางเศรษฐกิจของไทย การดำเนินงานที่แข็งแกร่งของธนาคารยูโอบีในประเทศไทย และเครือข่ายที่ครอบคลุมทั่วทั้งภูมิภาคอาเซียน จะมีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกกับนักลงทุนที่มีศักยภาพ
นอกจากนี้ ความร่วมมือนี้จะช่วยเสริมความสามารถของ สกพอ.ในการเสนอโซลูชั่นทางการเงินแบบครบวงจร ไม่เพียงแต่สำหรับโครงการในประเทศเท่านั้น แต่ยังเชื่อมโยงกับฐานลูกค้าที่หลากหลายและขยายตัวเพิ่มขึ้นของธนาคารยูโอบี โดยทั้ง 2 องค์กรมุ่งมั่นดึงดูดการลงทุนมูลค่าสูงที่ส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืน และสร้างโอกาสให้กับชุมชนในประเทศไทย
“เราเห็นสัญญาณการลงทุนในปีนี้และปีหน้า ในกลุ่มดิจิทัล ดาต้าเซ็นเตอร์ และเซมิคอนดักเตอร์ ดังนั้นไทยจะต้องพยายามดึงดูดเม็ดเงินลงทุนให้ได้” นายจุฬา กล่าว