หวั่นเดือนก.พ.กองทุนขายหนัก! จ่อปรับดัชนีใช้ “ฟรีโฟลท” ถ่วงน้ำหนัก คาด 10 หุ้นใหญ่สุดถูกลดถือครอง
จากการสำรวจข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พบว่าในเดือนก.พ.ย้อนหลัง 5 ปีจะเห็นว่า นักลงทุนสถาบันในประเทศ มียอดขายสุทธิ 4 ปี และมียอดซื้อเพียงปีเดียว ดังนี้
เดือนก.พ. 67 มียอดขายสุทธิ 6,404.26 ล้านบาท,เดือนก.พ. 66 มียอดซื้อสุทธิ 13,785.61ล้านบาท,เดือนก.พ. 65 มียอดขายสุทธิ 39,299.14 ล้านบาท,เดือนก.พ.64 มียอดขายสุทธิ 14,044.44ล้านบาท, เดือนก.พ.63 มียอดขายสุทธิ 3,921.02 ล้านบาท.
โดยบล.ทรีนีตี้ ประเมินแนวรับ SET Index จะอยู่ที่ระดับ 1300 จุดเป็นลำดับแรก ส่วนแนวรับสำคัญที่ประเมินว่าไม่น่าหลุดแล้ว คือจุดต่ำสุดเดิมแถวบริเวณ 1270-1280 จุด ในเชิงกลยุทธ์ แนะนำเพียงการถือครองหุ้นในส่วนเดิมไปก่อน ส่วนการเข้าสะสมใหม่แนะนำทยอยเข้าซื้อที่บริเวณแนวรับที่กำหนดไว้ โดยเน้นไปที่กลุ่ม Domestic play เป็นสำคัญตามเดิม จากความผันผวนประเด็นสงครามการค้าที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ
ทั้งนี้ ปัจจัยเสี่ยงอื่นที่อาจต้องติดตามต่อในเดือนนี้ ได้แก่ 1) ความเสี่ยงที่สงครามการค้าจะลากยาวจนก่อให้เกิดความกลัวเกี่ยวกับการกลับมาของเงินเฟ้ออีกครั้ง (Revival of inflation) ซึ่งหากเกิดขึ้นจริง อาจทำให้ Bond yield ทั่วโลกกลับมาปรับตัวสูงขึ้นอีกครั้ง และโอกาสในการปรับลดดอกเบี้ยของธปท.ในเดือนนี้ที่ลดลง
. 2) การประกาศผลประกอบการบจ.ไตรมาส 4 ซึ่งหากออกมาแย่กว่าคาดอาจนำมาสู่การปรับลดประมาณการในตลาดอีกครั้ง จนนำมาสู่ Valuation ของดัชนีที่แพงขึ้น โดยอัตโนมัติ
. 3) แรงขายสุทธิของนักลงทุนสถาบันในประเทศที่อาจเกิดขึ้น หากเริ่มมีความชัดเจนว่า ตลท. จะมีการปรับปรุงการคำนวณดัชนีหุ้นไทยรูปแบบใหม่ไปเป็นวิธี Free-float adjusted market cap weighted เนื่องจากว่าการปรับตะกร้าในช่วงแรก ผลลัพธ์สุทธิที่มีต่อดัชนีนั้นจะเป็นลบจากการที่หุ้นขนาดใหญ่ 10 อันดับแรก จะถูกลดทอนน้ำหนักค่อนข้างมาก
. 4) ความเสี่ยงที่ MSCI อาจปรับลดน้ำหนักหุ้นไทยในการประกาศช่วงเช้าตรู่วันที่ 12 ก.พ. ตามเวลาบ้านเรา จนนำมาสู่แรงขายของนักลงทุนต่างชาติในระยะสั้น
อนึ่งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สรุปมูลค่าซื้อขายหลักทรัพย์สะสมตามกลุ่มนักลงทุนตั้งแต่วันที่ 1-31 มกราคม 2568 2567 พบว่าสถาบันในประเทศ ขายสุทธิ 1,178.26 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 1,476.89 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 11,334.28 ล้านบาท นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิ 11,035.65 ล้านบาท