Talk of The Town

2 แบงก์ใหญ่สุดแกร่ง ปี 68 จ่อโกยกำไรเกือบ 1 แสนล้าน!


05 กุมภาพันธ์ 2568

2 หุ้นธนาคารรายใหญ่กำลังโดดเด่น เมื่อนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าปี 2568 กำไรสุทธิจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยรวมกันแล้วคาดทำได้กว่า 9.5 หมื่นล้านบาท แถมยังคาดเงินปันผล KBANK ครึ่งหลังปี 67 หุ้นละ 5.9 บาท และ SCB มีโอกาสปันผลครึ่งหลังปี 67 หุ้นละ 7 บาท

2 แบงก์ใหญ่สุดแกร่ง_S2T (เว็บ).jpg

เริ่มกันที่ KBANK นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า คงมุมมองบวกต่อ KBANK แม้แนวโน้มการเติบโตของกำไรสุทธิไม่หวือหวา แต่ปัจจัยลบเริ่มผ่อนคลายลง และคาดว่ายังจ่ายปันผลในระดับที่น่าสนใจ คาดให้ปันผลครึ่งหลังปี 67 หุ้นละ 5.9 บาท คิดเป็น Div. Yield 3.7% ส่วนปี 2568 คาดปันผลหุ้นละ 7.5 บาท คิดเป็น Div. Yield 4.7% 

คงแนะนำ “ซื้อ” มูลค่าพื้นฐานปี 2568 เดิมที่ 175 บาทโดยมีโอกาสปรับประมาณการขึ้น หากบริษัทควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ได้ดี และสามารถลด Credit Cost ได้ตามเป้า

โดยแนวโน้มปี 2568 คาดรายได้ดอกเบี้ยสุทธิจะปรับตัวลง ทั้งจากสินเชื่อที่โตได้จำกัด และ NIM ที่ปรับตัวลงตามทิศทางของดอกเบี้ยนโยบายและการปรับ Product Mixed มาเน้นกลุ่มที่ความเสี่ยงต่ำมากขึ้น 

แต่บางส่วนจะถูกชดเชยด้วยรายได้ค่าธรรมเนียมที่ขยายตัวได้ดีขึ้น และค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองที่ปรับตัวลง หาก Credit Cost อยู่ในระดับใกล้เคียงกับเป้าของผู้บริหาร จะถือว่าเป็น Credit Cost ที่ต่ำที่สุดในรอบกว่า 10 ปี หลังทำการปรับปรุงคุณภาพหนี้กลุ่มเสี่ยงเดิม และเพิ่มความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อใหม่ โดยรวมคาด KBANK จะมีกำไรสุทธิปี 2568 จำนวน 50,414 ล้านบาท เติบโต 3.7% จากปีก่อน

ส่วน SCB นักวิเคราะห์ค่ายดังกล่าว เปิดเผยว่า ยังชอบ SCB โดยมองผลดำเนินงานมีโอกาสเติบโตจากทั้งการขยายธุรกิจใหม่ในกลุ่ม Gen 2 และการลดค่าใช้จ่ายดำเนินงานในกลุ่ม Gen 3 ประกอบกับคุณภาพสินทรัพย์โดยรวมมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” มูลค่าพื้นฐานปี 2568 ที่ 130 บาท 

คาดจะมีการจ่ายปันผลที่โดดเด่น โดยคาดปันผลจากกำไรสุทธิครึ่งหลังปี 2567 หุ้นละ 7 บาท คิดเป็น Div. Yield 5.7% และคาดปันผลสำหรับปี 2568 หุ้นละ 9.4 บาท คิดเป็น Div. Yield 7.6% 

สำหรับปี 2568 คาด SCB จะมีกำไรสุทธิ 45,435 ล้านบาท โต 3.4% จากปีก่อน หนุนจาก 1. คาดสินเชื่อรวมขยายตัวต่อเนื่อง (บริษัทตั้งเป้าสินเชื่อโต 1-3% จากปีก่อน) โดยเฉพาะในกลุ่ม Gen 2 ซึ่งเป็นธุรกิจConsumer Finance ทั้งในส่วนของ CardX และ Auto X ที่ให้ผลตอบแทนสูง เพื่อลดผลกระทบของ NIM ที่ถูกกระทบจากการลดดอกเบี้ยเงินกู้ 

2.รายได้ค่าธรรมเนียมคาดปรับตัวดีขึ้น จากการทำ Cross Selling ผลิตภัณฑ์ทางการเงิน ทั้งในส่วนของธุรกิจนายหน้าประกัน และ Wealth Management 

3. คาดการตั้งสำรองมีโอกาสชะลอลง สอดรับกับเป้าหมายของบริษัทที่ตั้งเป้าCredit Cost ที่ 1.5-1.7% จากปี 2567 ที่ 1.8% โดยคาด Credit Cost ปี 2568 ที่ 1.7% หลังความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้สินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลของ Card X ฟื้นตัวขึ้น 

4. ค่าใช้จ่ายในการดาเนินงานมีแนวโน้มปรับตัวขึ้น แม้จะไม่มีค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานของ Robinhood แต่บริษัทมีแผนลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีและ Gen AI มากขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของธุรกิจ Gen 1 และ Gen 2

2-แบงก์ใหญ่สุดแกร่ง.jpg