Gossip Station by..เจ๊จิ๋ม 06-02-25 ( ตราบใดที่พระอาทิตย์ยังขึ้นทางทิศตะวันออก..เรามีความหวังเสมอ)
Gossip Station by..เจ๊จิ๋ม 06-02-25 ( ตราบใดที่พระอาทิตย์ยังขึ้นทางทิศตะวันออก..เรามีความหวังเสมอ)
06-02-25 สวัสดีปีใหม่ 2568 “ปีงูไฟ" ค่ะพี่น้องชาวไทยที่รัก "เจ๊จิ๋ม" มารายงานตัว ณ ที่เก่าเวลาเดิม www.share2trade.com เปิดอ่านได้เลยมีเรื่องเด็ดๆ โดนๆ มาเม้าท์กันให้สนั่นวงการลงทุนของพวกเรากันเถอะ
***ยามใดที่เจ๊จิ๋มรู้สึกท้อแท้..จะคิดถึงสองประโยคนี้เสมอ “มันไม่ใช่ดิเอ็นออฟเดอะเวิลด์.. มันไม่ใช่เป็นที่สิ้นสุดของชีวิต” และ “ตราบใดที่พระอาทิตย์ยังขึ้นทางทิศตะวันออก..เรามีความหวังเสมอ” มันช่วยฮีลใจได้จริงๆ นะ ..ในยามนี้นักลงทุนบางคนกำลังท้อแท้ กำลังอยากจะล้างพอร์ต เพราะสถานการณ์รอบด้านมันบีบคั้นเหลือเกิน ทำใมต้องเป็นเราวะ!!! เล่นตัวไหน..เข้าตัวไหนเป็นโดน!!! เมื่อไหร่ตลาดหุ้นจะฟื้นซักที!!! คำถามเหล่านี้สำหรับเจ๊เองก้อไม่มีคำตอบว่าทำใม..เมื่อไหร่..อย่างไร ได้แต่ให้กำลังใจตัวเองและขอเป็นกำลังใจให้กับนักสู้ทุกท่านด้วยค่ะ
***หุ้นที่เราเลือกว่าดีแล้ว เจ๋งแล้ว ปัจจัยพื้นฐานแน่นๆ ไม่มีปัญหาแน่ อนาคตทางธุรกิจก้อสดใส ถือแล้วน่าจะสบายใจ..เฮอะ!!! ที่ไหนได้ ยังทำให้มูลค่าพอร์ตรูดลงต่ำเตี้ยเรี่ยดินได้ขนาดนี้ ..ไม่รู้ว่าถึงเวลาต้องปิดหน้าจอแล้วไปหากิจกรรมอย่างอื่นทำแล้วจะได้ขับรถสปอร์ต ..แบบที่เสี่ยยักษ์บอกดีมั้ยอ่ะ???
***แต่โดยหน้าที่ของเจ๊..ไม่อาจหนีไปไหนได้ วันนี้เข้านั่งประจำที่เขียนคอลัมน์มาให้แฟนคลับได้อ่านกัน(หลังจากบ่นๆๆๆ ระบายอารมณ์ส่วนตนไปแล้ว 555) มาเริ่มกันที่เรื่อง ตลาดหลักทรัพย์เตรียมเปิดให้สาธารณชนแสดงความ คิดเห็นต่อวิธีการคํานวณดัชนี SET50 และ SET100 รูปแบบใหม่ที่อาจจะหันมาใช้วิธีการจํากัดน้ำหนักของแต่ละหลักทรัพย์ในดัชนี (Capped Weight) ในอัตราส่วนไม่เกิน 10% โดยจะดําเนินการจํากัดน้ำหนักในวันทําการแรกของแต่ละไตรมาส (วันที่ T) และใช้ข้อมูล ณ สิ้นวันทำการที่ 3 ก่อนหน้า (T-3) ในการคํานวณค่า Adjustment Factor เพื่อกระจายน้ำหนักของหลักทรัพย์ที่มีน้ำหนักเดินระดับที่กำหนดไปยังหลักทรัพย์อื่น
***วงการหุ้นประเมินว่ากระบวนการ Public hearing จะสิ้นสุดภายในไตรมาสแรกปีนี้ ซึ่งถ้าหากได้ข้อสรุปเป็นไปในทิศทางที่จะเปลี่ยนแปลงการคํานวณ มาใช่วิธีดังกล่าวคาดว่าอาจจะเกิดขึ้นได้กับรอบการปรับเปลี่ยนสมาชิกถัดไป ประจำครึ่งหลังของปีนี้ทันที ทั้งนี้วิธีการคำนวณแบบ Capped Weight ดังกล่าวไม่ได้ถือว่าเป็นเรื่องใหม่สําหรับตลาดหุ้นไทย เนื่องจากปัจจุบันดัชนีย่อยของทางตลท.ที่ใช้วิธีนี้คำนวณมีอยู่หลายดัชนี อาทิ SETHD หรือ SETESG เป็นต้น
***กูรูหุ้นบอกว่าการจัดทำดัชนี Performa index โดยสมมุติให้อ้างอิงจากราคาปิดวานนี้ ด้วยสมาชิกเดิมในปัจจุบันของทั้งดัชนี SET50 และ SET100 ซึ่งจะสังเกตุได้ว่าหุ้นที่มีโอกาสเสียประโยชน์ หากตลท.หันมาใชวิ้ธีการ Capped Weight จริงก็คงจะหนีไม่พ้นหุ้น DELTA ที่ปัจจุบันตัวหุ้นมีน้ำหนักอยู่ในดัชนี SET50 และ SET100 เกินกว่า 10%
***แต่อย่างไรก็ดี น้ำหนักที่จะถูกเกลี่ยลงในกรณีนี้ถือว่าน้อยกว่ากรณีที่เคยกล่าวไว้มาก่อนหน้านี้ อย่างวิธี Free-float adjusted index เป็นอย่างมาก ในทางกลับกัน ตัวหุ้นที่จะได้ประโยชน์จากน้ำหนักที่ถูกเกลี่ยมามากขึ้น ก็คงจะหนีไม่พ้นหุ้น ขนาดใหญ่ในกระดานที่อยู่อันดับ 2 รองลงมาตามลำดับ ซึ่งต้องบอกว่าหุ้น เหล่านี้ในปัจจุบันยังคงมีสัดส่วนน้ำหนักค่อนข้างห่างไกลจาก Limit ที่ 10% ไม่ว่าจะเป็น PTT, ADVANC,AOT, GULF เป็นต้น จึงไม่น่าจะมีประเด็นความเสี่ยงในการถูก Cap weight แต่อย่างใด
***กูรูหุ้นอีกค่ายเชื่อว่าวิธีการ Cap Weight จะเป็นหนึ่งในแนวทางที่สามารถช่วยลดความผันผวนของดัชนี จากหุ้น Market Cap ขนาดใหญ่ตัวใดตัวหนึ่งได้ หากพิจารณา SET50 Index เราคาดว่าจะกระทบต่อ DELTA เพราะ Market Cap ปัจจุบันมีสัดส่วนต่อดัชนีเท่ากับ 13%หากใช้วิธี Cap Weight ที่ 10% สัดส่วน DELTA จะถูกจำกัดเพียง 10% เท่านั้น หากบังคับใช้เชื่อว่าทำให้ Passive Fund ลดน้ำหนัก DELTA ลงมาเท่ากับระดับ Cap Weight ซึ่งคาดเม็ดเงินไหลออกที่ 1.48 พันล้านบาท
*** ส่วนหุ้นที่ได้ประโยชน์ก็จะเป็นหุ้นทุกบริษัทในดัชนี SET50 Index จากการถูกกระจายน้ำหนักเพิ่มขึ้น โดยหุ้นที่ได้ประโยชน์สูงสุดคือหุ้นที่มี Market Cap ขนาดใหญ่ที่สัดส่วนต่อ SET50 ต่ำกว่า 10% โดย 5 อันดับแรกคือ PTT ADVANC, AOT, GULF, PTTEP คาดเม็ดเงินไหลเข้าช่วง 64-114 ล้านบาท
***มีอีกเรื่องที่พวกเราต้องติดตามกันต่อการที่จีนตอบโต้สหรัฐฯ ด้วยการกำหนดภาษีนำเข้าสินค้าสำคัญ ถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ในอัตรา 15% และภาษีนำเข้าน้ำมันดิบ อุปกรณ์ทางการเกษตร และรถยนต์บางประเภท ในอัตรา 10% เริ่มบังคับใช้ 10 ก.พ.นี้...สงคราาการค้าครั้งนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป โปรดติดตาม!!!