Talk of The Town

จัดอันดับ 8 หุ้นราคาวิ่งแรงสุด สวนทาง SET ดิ่งหนักกว่า 100 จุด


06 กุมภาพันธ์ 2568

แรงสุดๆ กับ 8 หุ้นใหญ่ในดัชนี SET50 ที่เวลาผ่านไป 1 เดือนเศษๆ ของปี 2568 พบว่า หากอ้างอิงข้อมูลนับจากต้นปี 2568 ถึงปัจจุบัน (4 ก.พ.68) ราคาหุ้นสามารถยืนในแดนบวก ซึ่งสวนทางดัชนีตลาดหุ้นไทยในช่วงเวลาเดียวกันที่ปิดลบไปสูงถึง 99 จุด 

จัดอันดับ 8 หุ้นราคาวิ่งแรงสุด_S2T (เว็บ).jpg

โดยอันดับ 1 ที่ราคาหุ้นบวกแรงสุดในช่วงเวลาข้างต้น คือ  KTB ที่ราคาหุ้นบวกสูงถึง 10% และหากเข้าไปสำรวจปัจจัยพื้นฐานพบว่า นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 25 บาท

โดยในปี 2568 คาดจะมีกำไรสุทธิ 45,991 ล้านบาท โต 4.9% จากปีก่อน หนุนจาก 1.พอร์ตสินเชื่อรวมที่ขยายตัวดีทั้งในส่วนของสินเชื่อโครงการรัฐฯ ที่จะเพิ่มขึ้นตามการเร่งเบิกจ่ายเพื่อดำเนินโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ และ โครงการก่อสร้างต่างๆ 

2.รายได้ค่าธรรมเนียมคาดโตต่อเนื่อง หนุนจากการทำ Cross Selling เพื่อขายผลิตภัณฑ์ทางการเงินให้กับฐานลูกค้าเดิม และการเพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียมจาก “เป๋าตัง” และ 3. คาดการตั้งสำรองมีแนวโน้มชะลอตัวลง หลังคุณภาพสินทรัพย์ของ KTB อยู่ในระดับที่แข็งแรง สะท้อนจากสัดส่วนลูกหนี้ Stage 2 และ NPL ที่ปรับตัวลง

อันดับ 2 คือ SCB นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ยังชอบ SCB โดยมองผลดำเนินงานมีโอกาสเติบโตจากทั้งการขยายธุรกิจใหม่ในกลุ่ม Gen 2 และการลดค่าใช้จ่ายดำเนินงานในกลุ่ม Gen 3 ประกอบกับคุณภาพสินทรัพย์โดยรวมมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” มูลค่าพื้นฐานปี 2568 ที่ 130 บาท 

คาดจะมีการจ่ายปันผลที่โดดเด่น โดยคาดปันผลจากกำไรสุทธิครึ่งหลังปี 2567 หุ้นละ 7 บาท คิดเป็น Div. Yield 5.7% และคาดปันผลสำหรับปี 2568 หุ้นละ 9.4 บาท คิดเป็น Div. Yield 7.6% 

สำหรับปี 2568 คาด SCB จะมีกำไรสุทธิ 45,435 ล้านบาท โต 3.4% จากปีก่อน หนุนจาก 1. คาดสินเชื่อรวมขยายตัวต่อเนื่อง (บริษัทตั้งเป้าสินเชื่อโต 1-3% จากปีก่อน) โดยเฉพาะในกลุ่ม Gen 2 ซึ่งเป็นธุรกิจConsumer Finance ทั้งในส่วนของ CardX และ Auto X ที่ให้ผลตอบแทนสูง เพื่อลดผลกระทบของ NIM ที่ถูกกระทบจากการลดดอกเบี้ยเงินกู้ 

2.รายได้ค่าธรรมเนียมคาดปรับตัวดีขึ้น จากการทำ Cross Selling ผลิตภัณฑ์ทางการเงิน ทั้งในส่วนของธุรกิจนายหน้าประกัน และ Wealth Management 

3. คาดการตั้งสำรองมีโอกาสชะลอลง สอดรับกับเป้าหมายของบริษัทที่ตั้งเป้าCredit Cost ที่ 1.5-1.7% จากปี 2567 ที่ 1.8% โดยคาด Credit Cost ปี 2568 ที่ 1.7% หลังความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้สินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลของ Card X ฟื้นตัวขึ้น 

และอันดับ 3 TTB  นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ประมาณการกำไรปี 68 ของ TTB ที่ทางฝ่ายคาดว่าจะอยู่ที่ 2.4 หมื่นล้านบาท หากซื้อหุ้นคืนได้ครบจำนวนจะทำให้กำไรต่อหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 0.28บาท/หุ้น จากเดิมที่ 0.27บาท/หุ้น และจะทำให้ราคาพื้นฐานปรับเพิ่มเป็น 2.50 บาท 

อย่างไรก็ตามเพื่อความ Conservative ทางฝ่ายจะยังคงประมาณการกำไร และยังคงราคาพื้นฐาน 2.18 บาทไว้ก่อนซึ่งเมื่อเทียบกับราคาหุ้นในปัจจุบันก็ยังเหลือส่วนต่างอยู่พอสมควรจึงยังคงแนะนำ “ซื้อ”

จัดอันดับ-8-หุ้นราคาวิ่งแรงสุด.jpg