เปิดทำเนียบ 5 หุ้น SET100 คุณภาพดี ลุ้นกองทุนเข้าเก็บ-ดาวน์ไซด์จำกัด
ดัชนีตลาดหุ้นไทยในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาได้เผชิญกับปัจจัยภายในและภายนอก จนได้ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง และความกังวลดังกล่าวยังส่งไปถึงราคาหุ้นบริษัทขนาดใหญ่หลายๆตัวก็ปรับตัวลดลงตามไปด้วยเช่นกัน แต่อย่างไรก็ดีในช่วงวิกฤติของตลาดจะเป็นโอกาสลงทุนได้มากน้อยเพียงใด ทางเราก็ได้หยิบมุมมองจากนักวิเคราะห์มาแบ่งปันให้แก่ผู้อ่านกันในครั้งนี้
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ให้มุมมองว่า SET ปรับตัวลง 7.1% จากต้นปีถึงปัจจุบัน( 4 ก.พ. 68) สู่ระดับ 1,301.02 จุด ทําจุดต่ำสุดในรอบ 5 เดือนครึ่ง ซึ่งแย่กว่าตลาดหุ้นภูมิภาค โดยสาเหตุนอกจากมีปัจจัยลบจากต่างประเทศแล้ว
ตลาดหุ้นไทยยังเผชิญปัจจัยลบในประเทศด้วย อาทิ ขาดความเชื่อมั่นด้าน Good Governance ของ บจ. ไทย สะท้อนผ่านปริมาณซื้อขายต่อวันที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง, ปัจจัยลบเฉพาะตัวที่ทําให้เกิดแรงขายในหุ้นขนาดใหญ่ เช่นประเด็น GMT, กังวลการแข่งขันในตลาดเครื่องดื่มชูกําลังจะรุนแรงมากขึ้น (CBG OSP), กังวลกลุ่มซีพี(CPALL CPF CPAXT) จะต้องใช้เงินทุนมากหากมีแผนลงทุนซื้อกิจการเซเว่นในญี่ปุ่น เป็นต้น
แต่อย่างไรก็ดี ปัจจุบันตลาดหุ้นไทยปรับลงมาสะท้อนปัจจัยลบต่างๆ ไปมากพอสมควรแล้ว จนทําให้ซื้อขาย PE อยู่ที่ระดับ 13.6 เท่า ต่ำกว่าในอดีตที่ซื้อขายในกรอบ PE 14-16 เท่า หรือหากเทียบกับช่วงเกิดวิกฤติ COVID19 ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงมาไปซื้อขาย PE ที่ 13 เท่า จะสามารถเทียบได้กับดัชนีที่บริเวณ 1250 จุด ซึ่งใกล้เคียงกับปัจจุบันแล้ว
ทั้งนี้ ภายหลังการปรับตัวลงของดัชนีแย่กว่าตลาดหุ้นภูมิภาค ทําให้ Risk/Reward เริ่มน่าสนใจและเป็น “โอกาสทยอยซื้อสะสม” หุ้น Real Sector ที่มีพื้นฐานดี โดยคัดเลือกหุ้น SET100 ที่คาดเป็นเป้าหมายของกองทุน มีดาวน์ไซด์จํากัด และยังมีจุดแข็งที่น่าสนใจ
โดยเกณฑ์การคัดเลือกประกอบไปด้วย ปี 2568 คาดกําไรยังมั่นคงและสามารถเติบโตได้ มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง โดยมีสภาพคล่องทางการเงินสูงและมีความสามารถในการจ่ายดอกเบี้ยสูง อีกทั้งมองมีโอกาสซื้อหุ้นคืน หลังมี PBV ต่ำกว่า 1 เท่า มูลค่าหุ้นไม่แพง โดยปัจจุบันซื้อขาย PE และ PBV ระดับต่ำ และมีศักยภาพจ่ายปันผลสม่ำเสมอ โดยคาดให้อัตราผลตอบแทนเงินปันผลอย่างน้อยปีละ 5% ซึ่งพบว่า มี 5 หุ้นที่น่าสนใจ ได้แก่ AP BCP PTT SPALI และ TU
สำหรับปัจจัยพื้นฐาน AP นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) คาดการณ์กำไรปี 2568 ที่ 5,104 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 4% ฟื้นตัวตามยอดโอนโครงการแนวราบและอัตรากำไรขั้นต้น พร้อมกับแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 9.7 บาท เนื่องจากมูลค่าหุ้นอยู่ระดับน่าสนใจและต่ำกว่ากลุ่ม รวมถึงจ่ายเงินปันผลงวดปี 2567 ที่ 0.55 บาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันที่สูงถึง 7%
BCP นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด คาดการณ์กำไรปี 2568 ที่ 6,683 ล้านบาท เติบโต 63% จากปีก่อนหน้า เติบโตจากโครงการน้ำมันอากาศยานยั่งยืน (SAF) ที่เตรียมผลิตในไตรมาส 2/68 ทั้งนี้ ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 40 บาท เนื่องจากสะท้อนข่าวลบไปบ้างแล้ว
PTT นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ประมาณการกำไรปี 2568 ที่ 97,459 ล้านบาท ลดลง 7% จากปีก่อนหน้า ตามแผนการใช้เงินลงทุนและค่าใช้จ่ายที่น้อยลง เข้ามาทำให้บริษัทมีหนี้สินน้อยลง ซึ่งจะช่วยให้มูลค่ายุติธรรมของบริษัทเพิ่มสูงขิ้น แต่ส่งผลให้กำไรเติบโตได้ช้าลงจากการลงทุนในโครงการใหม่ที่น้อยลง ทั้งนี้ ยังคงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 37 บาท เนื่องจากกำไรและราคาหุ้นมีความเสถียรภาพมากขึ้น รวมถึงมีอัพไซด์จากราคา LNG ที่ลดลง
SPALI นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประเมินกำไรปี 2568 ที่ 5,689 ล้านบาท เท่ากับปีก่อนหน้า โดยผลประกอบการแข็งแกร่งกว่าอุตฯ จากการลงทุนที่ออสเตรเลียเพิ่มกว่าเท่าตัว (ส่วนแบ่งกำไร) เข้ามาเสริมทดแทนรายได้โอนในไทยที่ลดลง จึงยังคงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 19.50 บาท ด้วยกำไรปี 68 ที่แข็งแกร่งกว่าอุตฯ
TU นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด คาดการณ์กำไรปี 2568 ที่ 5,776 ล้านบาท เพิ่มขึ้น11% จากปีก่อนหน้า ตามการเติบโตของรายได้และอัตรากำไรขั้นต้นจากการทำ Transformation ตั้งแต่ไตรมาส 1/68 อย่างค่อยเป็นค่อยไป จึงแนะนำ “เก็งกำไร” ราคาเป้าหมาย 16.50 บาท แม้ระยะสั้นราคาหุ้นขาดปัจจัยบวกหนุนและด้วยแนวโน้มผลประกอบการที่ไม่เด่น แต่ในช่วงครึ่งปีหลังปี 67 จะจ่ายเงินปันผลที่ 0.33 บาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่ 2.6%