รายงานพิเศษ : ASIA ได้รับแรงหนุนเมื่อไทยขึ้นแท่น จุดหมายปลายทางการท่องเที่ยว ดันผลประกอบการปี 2568 โต 10%

บมจ.เอเชียโฮเต็ล (ASIA) ประกาศกลยุทธ์รับมือการท่องเที่ยวบูม ปี68 เน้นปรับปรุงภาพลักษณ์โรงแรมให้มีความสดใหม่และทันสมัยและเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจของบริษัท

ปี68 เป็นปีที่ดีของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว สะท้อนจากรายงานของ SiteMinder  ที่ระบุการจองโรงแรมในประเทศไทยมีผู้เข้าพักชาวต่างชาติ คิดเป็น 77% ของการเช็กอินทั้งหมด ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 48% ทำให้ประเทศไทยอยู่ในอันดับ 2 ของโลก รองจากประเทศออสเตรีย 

โดยรายงานของ SiteMinders Hotel Booking Trends ที่อ้างอิงจากข้อมูลการจองโรงแรมมากกว่า 125 ล้านครั้ง นับเป็นยอดการจองโรงแรมปริมาณมากที่สุดภายใต้แพลตฟอร์มเดียว  แสดงให้เห็นว่าอัตราค่าห้องพักเฉลี่ยต่อวัน (ADR) ในประเทศไทย ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 5,377 บาท จาก 4,648 บาทในปี 66 โดยมีอัตราค่าห้องพักสูงสุดในเดือนธ.ค. ซึ่งแตะระดับ 6,460 บาทต่อห้องพัก เพิ่มขึ้น 11% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนการเติบโตนี้เป็นการตอบสนองต่อความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นในกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ

รายงานของ SiteMinder แสดงให้เห็นว่าโรงแรมของประเทศไทย นำหน้าประเทศอื่น ๆ ในเอเชียด้านจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยมีแขกผู้เข้าพักชาวต่างชาติ คิดเป็น 77% ของการเช็กอินทั้งหมด ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 48% ตัวเลขนี้ทำให้ประเทศไทยอยู่ในอันดับ 2 ของโลก โดยเป็นรองเพียงประเทศออสเตรียเท่านั้น

และจากข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับโรงแรมในประเทศไทยในปี67  สะท้อนให้เห็นว่า นักท่องเที่ยวที่เข้าพักในโรงแรมของไทยจองห้องพักล่วงหน้านานขึ้น โดยระยะเวลาการจองล่วงหน้าเฉลี่ยอยู่ที่ 27 วัน ซึ่งยาวนานที่สุดในเอเชีย และใกล้เคียงกับช่วงเวลาการจอง 29 วันล่วงหน้าในปี 62

"ประเทศไทยก้าวขึ้นเป็นจุดหมายปลายทางเพื่อการพักผ่อนชั้นนำ โดยโรงแรมท้องถิ่นถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 5 ของโลก ด้านระยะเวลาการเข้าพักที่ยาวนานที่สุด โดยมากกว่า 15% ของการจองมีระยะเวลา 3 คืนขึ้นไป ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 11% รองจากโรงแรมในโปรตุเกส (21%) และโคลอมเบีย เม็กซิโก และสเปน (18% เท่ากัน) การเพิ่มขึ้นของอัตราค่าห้องพักเฉลี่ยในประเทศไทย รวมไปถึงการกลับมาอย่างแข็งแกร่งของนักท่องเที่ยวต่างชาติ แสดงให้เห็นถึงการเติบโตของโรงแรมในท้องถิ่นท่ามกลางความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นของการเดินทางในประเทศ รัฐบาลพร้อมสนับสนุนส่งเสริมการท่องเที่ยวประเทศไทย เพื่อกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวตลอดทั้งปี"

ธุรกิจโรงแรมที่ปรับตัวดีขึ้นจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ปรับเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ส่งผลดีต่อ บมจ.เอเชียโฮเต็ล (ASIA) ที่ประกอบธุรกิจประเภทโรงแรม โดยให้บริการด้านห้องพักและภัตตาคาร ศูนย์การค้าให้เช่า และพัฒนาอสังหาริมทรัพย์

ซึ่ง “พัชรพล เตชะหรูวิจิตร” ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร คาดการณ์ว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานปี 68 จะปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจโรงแรมที่ตั้งเป้ารายได้เติบโต 10% เมื่อเทียบจากปีก่อน 

และช่วงที่ผ่านมาพบว่า 5 อันดับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยสูงสุด ได้แก่ จีน มาเลเซีย อินเดีย เกาหลีใต้ และรัสเซีย โดยคาดว่าอัตราการเข้าพักเฉลี่ยทั้งประเทศจะปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ราว 72% ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเดินทางเข้าไทยมาราว 36 ล้านคน และนักท่องเที่ยวไทยที่เที่ยวในประเทศราว 270 ล้านคน

สำหรับกลยุทธ์สร้างการเติบโตในปี 2568 บริษัทยังคงเดินหน้าแผนปรับปรุงภาพลักษณ์ของโรงแรมให้มีความสดใหม่และทันสมัยมากยิ่งขึ้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างคัดเลือกผู้รับเหมาเข้ามาปรับปรุงห้องพักโรงแรมเอเชียพัทยา คาดว่าจะเริ่มดำเนินการเฟสแรกได้ภายในไตรมาส 2/68

นอกจากนี้ ยังมีแผนพัฒนาภูมิทัศน์โดยรอบโรงแรมเพิ่มเติมอีกด้วย หลังจากที่ในปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้เปิดให้บริการคาเฟ่กึ่งร้านอาหาร และทดลองเปิดตลาดนัดขนาดเล็กภายในบริเวณโรงแรม ซึ่งได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก จึงมีแนวโน้มที่จะขยายพื้นที่ตลาดนัดเพิ่มเติมในอนาคต

ในส่วนธุรกิจห้างสรรพสินค้า บริษัทวางแผนจะนำสินค้าที่มีความเฉพาะกลุ่มและโดดเด่นเข้ามาเพิ่มเติม หลังจากประสบความสำเร็จในการเปิดพื้นที่ให้บริการกลุ่มพระเครื่องภายในศูนย์การค้าเซียร์รังสิต ซึ่งส่งผลให้อัตราการเช่าพื้นที่และจำนวนผู้ใช้บริการเริ่มฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัดเจน ขณะเดียวกันยังมองหาโอกาสปรับเพิ่มราคาเช่าพื้นที่เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการที่เพิ่มขึ้น

"แผนสร้างการเติบโตในช่วงระยะ 1-2 ปีนี้ เรายังโฟกัสไปที่การรีโนเวทโรงแรมที่มีอยู่ในเครือให้มีความทันสมัย โดดเด่น เพื่อตอบโจทย์กับยุคสมัยและปรับภาพลักษณ์ในสายตานักท่องเที่ยว รวมถึงเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจ อีกทั้งเรายังคงมองว่าธุรกิจโรงแรมในปีนี้จะได้รับผลบวกจากการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างต่อเนื่อง โดยกลุ่มลูกค้าหลักของโรงแรมเอเชียกรุงเทพจะเป็นนักท่องเที่ยวจากจีนและกลุ่มประเทศ AEC เช่น เวียดนาม และมาเลเซีย จึงคาดว่ารายได้จากธุรกิจโรงแรมในปี 2568 จะเติบโตราว 10%"