Talk of The Town

OKJ งานเข้า! โบรกฯ สั่ง “ขาย” หั่นเป้าหมายเหลือแค่ 12 บาท หลังงบออกมาน่าผิดหวัง กำไรต่ำคาดมาก


07 กุมภาพันธ์ 2568

บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด (มหาชน) รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์ฯถึงรายได้จากการขายในไตรมาส 4/67 อยู่ที่ 690.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน เป็นไปตามการเติบโตของยอดขายทุกแบรนด์ รวมถึงการขยายสาขาที่เพิ่มขึ้น 

OKJ งานเข้า! โบรกฯ สั่ง “ขาย”_S2T (เว็บ)_0.jpg

ขณะที่กำไรสุทธิในไตรมาส 4/67 อยู่ที่ 39.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากยอดขายที่เพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 5.6% ลดลง 1.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบ ค่าแรง และค่าขนส่งที่เพิ่มสูงขึ้น และค่าใช้จ่ายในการเตรียมเปิดสาขาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมถึงค่าใช้จ่ายทางการตลาดที่มีการเปิดตัว Brand Admirer และเมนูใหม่ของแบรนด์โอ้ จู๊ซ ช่วงไตรมาส 4/67

ส่วนในปี 2567 มีรายได้จากการขายอยู่ที่ 2,421 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน เป็นผลมาจากการขยายสาขาที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการเปิดตัวแบรนด์ใหม่ของโอ้ จู๊ซ และโอ้กะจู๋ แรปแอนด์โรล ในขณะที่อัตราการเติบโตของรายได้จากการขายของสาขาเดิม (SSSG) รวมทั้งปีอยู่ที่ 7.7% ซึ่งสาเหตุหลักมาจากจำนวนลูกค้าเก่าและใหม่ที่มากขึ้น จากความสำเร็จของการออกเมนูใหม่ ทั้งอาหาร ขนมหวาน และเบเกอรี่

ด้านกำไรสุทธิปี 2567 อยู่ที่ 201.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ในขณะที่อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 8.3% เพิ่มขึ้น 0.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากการเติบโตของรายได้จากการขยายสาขา รวมถึงการเปิดตัวแบรนด์ใหม่เพิ่มขึ้น โดยมีการบริหารค่าใช้จ่ายบริหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรสุทธิอาจเพิ่มขึ้นไม่สูงนัก เนื่องจากช่วงปลายปีมีการลงทุนกับค่าใช้จ่ายทางการตลาดและค่าใช้จ่ายในการขยายสาขาไปยังภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือตามที่กล่าวไปข้างต้น

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ให้มุมมองถึง OKJ ว่า ได้ปรับลดคำแนะนำลงเป็น “ขาย”  และปรับราคาเป้าหมายลงเป็น 12 บาท เนื่องจากผลประกอบการปี 2567 ที่ต่ำกว่าประมาณการราว 12% ทำให้ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2568-2569 ลงมาที่ 286 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42% และ 394 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38% 

โดยลดลงจากประมาณการเดิม 21% และ19% ตามลำดับ หลังแนวโน้มอัตรากำไรขั้นต้นอาจขยายตัวช้ากว่าที่เคยประเมินและสภาวะเศรษฐกิจอาจกระทบยอดขายโดยรวม ซึ่งเริ่มมีสัญญาณที่ต้องระวังหลังการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ในไตรมาส 4/67 ลดลง 1.8%

รวมไปถึงหลังจาก IPO ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น 133% และยังคง outperform SET ราว 6% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามผลประกอบการไตรมาส 4/67 ที่ออกมาค่อนข้างน่าผิดหวังแม้ค่าใช้จ่ายอาจเป็น one time แต่การเติบโตของยอดขายสาขาเดิม(SSSG) ลดลง 1.8% เป็นสัญญาณที่ต้องระวัง 

ในขณะที่ปัจจุบันซื้อขายที่ P/E 33 เท่า เทียบการเติบโตระดับ 38% เฉลี่ยในช่วงปี 2567-2569 มีแนวโน้มที่ตลาดจะให้ discount ที่มากกว่านี้ จากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัวมีโอกาสกระทบยอดขายและแผนการขยายสาขา ทำให้ราคาหุ้นในระดับปัจจุบันมีความเสี่ยงจึงปรับคำแนะนำลงเป็น “ขาย”

OKJ