Talk of The Town

CPALL-CPAXT โดนปัจจัยลบ ฉุดมาร์เกตแคปวูบกว่า 2 แสนลบ.


13 กุมภาพันธ์ 2568

หากพูดถึงบริษัทค้าปลีกขนาดใหญ่ในตลาดหุ้นไทยก็คงไม่มีใครที่จะไม่พูดถึง 2 บริษัทแม่ลูกยัก์ใหญ่อย่าง บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL และ บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้นของทั้งคู่ก็ได้ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง

CPALL-CPAXT โดนปัจจัยลบ_S2T (เว็บ) copy.jpg

โดยในวันที่ 18 ธ.ค. 67  CPAXT หลังจากที่ประกาศการลงทุนแผนการลงทุนกว่า 7.97 พันล้านบาท เพื่อซื้อหุ้น 95% ในบริษัท Axtra GrowthPlus และ MQDC Town Corp ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่ม CP ลงทุนอีก 420 ล้านบาท เพื่อซื้อหุ้น 5% จากนั้น Axtra Growth Plus ได้ลงทุน 100% ใน Happitat ที่ Forestias Co Ltd ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการ Happitat

และต่อมาในวันที่ 31 ม.ค. 68 CPALL ก็มีกระแสข่าวเกี่ยวกับอาจเข้าร่วมลงทุน Seven & I  ซึ่งเป็นแฟรนไชส์ของร้านสะดวกซื้อ7-11 ทั่วโลก ร่วมกันกับผู้ก่อตั้งที่ประกาศหาพันธมิตรในการทำ Management Buyout (MBO) มูลค่าสูงราว 1.9 ล้านล้านบาท เพื่อป้องกันการเสนอซื้อกิจการจาก Alimentation Couche-Tard บริษัทค้าปลีกขนาดใหญ่จากแคนาดา

ทั้งนี้ จากการรวบรวมและสำรวจข้อมูลความเคลื่อนไหวราคาหุ้นของทั้ง 2 บริษัท ในช่วง 3 เดือนหรือช่วงที่มีกระแสข่าวข้างต้นก็ได้ปรับตัวลงมา โดย CPALL ปรับตัวลงมา 21.88% มาอยู่ที่ระดับราคา 50 บาท ซึ่งในด้านของมาร์เก็ตแคปก็ปรับลงมาสู่ระดับ 449,155 ล้านบาท ลดลง 20.94%

โดยนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) ให้มุมมองว่า ราคาหุ้นที่ปรับตัวลง ได้ปัจจัยลบไปมากแล้วในกรณีที่มูลค่าการลงทุนของบริษัทเกิดขึ้นจริงและมีสัดส่วนการลงทุนตามข่าวล่าสุด ปัจจุบันหุ้นซื้อขายบน PE เพียง 16 เท่าและหากรวมผลกระทบจากการลงทุนแล้วจะอยู่ที่ 17 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี และ 10 ปี

ดังนั้น ยังคงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 81.50 บาท แต่หากบริษัทมีการลงทุนด้วยมูลค่าตามข่าว เบื้องต้นคาดราคาเหมาะสมใหม่จะอยู่ในกรอบ 70 บาท ซุ่งจะมีอัพไซด์มากกว่า 20% เทียบกับราคาหุ้นปัจจุบัน

ขณะที่ CPAXT ราคาหุ้นในช่วง 3 เดือนย้อนหลัง ได้ปรับตัวลงมา 30% มาอยู่ที่ระดับราคา 26.75 บาท สำหรับด้านของมาร์เก็ตแคปก็ปรับลงมาสู่ระดับ 255,477 ล้านบาท ซึ่งลดลงมาถึง 30%

สำหรับนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) แนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 38 บาทหลังปรับประมาณการกำไรเพื่อสะท้อนถึง Synergy จากการรวมกิจการซึ่งเข้ามาเร็วกว่าเป้าหมายเดิม ซึ่งคาดว่าจะช่วยลดแรงกดดันจากการลงทุนในโครงการThe Happitat และการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำได้

สำหรับคาดการณ์กำไรสุทธิในปี 68 จะเติบโต 18% จากปีกอ่หน้าจากการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง การเพิ่มยอดขายสินค้ากลุ่มอาหารสดและการขายผ่าน Omni-channel รวมถึงการรับรู้ผลบวกจากการประหยัดหลัง Synergy คาดว่าจะสูงถึง 2.5 พันล้านบาทในปี 68

CPALL-CPAXT โดนปัจจัยลบ_S2T (เพจ) copy.jpg