จับประเด็นหุ้นเด่น
รายงานพิเศษ : SM เตรียมรับผลดี หลังต่างชาติลงทุน EEC ปี 67 ทะลุ 5.6 หมื่นลบ. สร้างรายได้-เศรษฐกิจให้คนในชุมชน
14 กุมภาพันธ์ 2568
กระทรวงพาณิชย์ให้ภาพปี 67 นักลงทุนต่างชาติลงทุนใน EEC กว่า 5.6 หมื่นล้านบาท กระตุ้นเศรษฐกิจภาคตะวันออก และผลงานบมจ.สตาร์มันนี่ (SM) ในฐานะผู้จำหน่ายสินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้า โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ ทั้งเงินสดและเงินผ่อน

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงการลงทุนของชาวต่างชาติ ปี 2567 ว่า การลงทุนในพื้นที่ EEC มีนักลงทุนต่างชาติสนใจเข้าลงทุน 301 ราย คิดเป็น 32% ของจำนวนนักลงทุนต่างชาติที่ได้รับอนุญาตในปี 2567 เพิ่มขึ้นจากปี 2566 จำนวน 167 ราย (124%) มูลค่าการลงทุนในพื้นที่ EEC จำนวน 56,490 ล้านบาท คิดเป็น 25% ของเงินลงทุนทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากปี 2566 จำนวน 17,877 ล้านบาท (46%)
โดยเป็นนักลงทุนจากญี่ปุ่น 103 ราย ลงทุน 20,593 ล้านบาท จีน 72 ราย ลงทุน 12,107 ล้านบาท ฮ่องกง 20 ราย ลงทุน 5,698 ล้านบาท และประเทศอื่นๆ 106 ราย ลงทุน 18,092 ล้านบาท ธุรกิจที่ลงทุนในพื้นที่ EEC เช่น ธุรกิจบริการทางวิศวกรรม (อุตสาหกรรมยานยนต์) ธุรกิจจัดหาจัดซื้อวัตถุดิบส่วนประกอบ และชิ้นส่วนสำหรับอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ และอุตสาหกรรมยานยนต์ เพื่อค้าส่งในประเทศ ธุรกิจบริการระบบซอฟต์แวร์ฐาน ธุรกิจบริการชุบแข็ง และธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า เป็นต้น
การลงทุนของต่างชาติในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) นอกจากจะทำให้เศรษฐกิจในพื้นที่เติบโตแล้วยังทำให้เกิดการจ้างงาน สร้างรายได้และเศรษฐกิจให้คนในชุมชน ส่งผลดีต่อการจับจ่ายใช้สอย รวมทั้งยอดขายในกลุ่มสมาร์ทโฟน ที่นับเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิตในปัจจุบัน
โดยเห็นได้จาก International Data Corporation (IDC) ที่ระบุว่า ตลาดสมาร์ทโฟนในประเทศไทยเติบโตอย่างโดดเด่นในปี 2567 มียอดส่งมอบ 16.9 ล้านเครื่อง คิดเป็นอัตราการเติบโต 17.1% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า (YoY) โดยเฉพาะในครึ่งปีแรกของปี 2567 มีอัตราการเติบโต 14% ก่อนที่ครึ่งปีหลังจะเร่งตัวขึ้นเป็น 20%
ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2567 ตลาดมีการส่งมอบสมาร์ทโฟนถึง 4.7 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้น 27% YoY ซึ่งเป็นผลจากการเปิดตัวของสมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้นที่หลากหลายจากแบรนด์หลัก
ซึ่งตลาดสมาร์ทโฟนของไทยที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งในปี 2567 มาจากแรงหนุนของสมาร์ทโฟนที่มีให้เลือกหลากหลายแบรนด์และมีราคาไม่แพง รวมทั้งการเข้าถึงผ่านโครงการผ่อนชำระที่เพิ่มขึ้น ทำให้แนวโน้มของสมาร์ทโฟน 5G ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง และคาดว่าตลาดจะยังเติบโตต่อไปในปี 2568
และหากนึกถึงผู้ให้บริการสินเชื่อรายย่อยทั้งแบบที่มีหลักประกันและไม่มีหลักประกัน ต้องคิดถึง บมจ.สตาร์มันนี่ (SM)ราชาเงินผ่อนภาคตะวันออก และบริษัทยังเป็นผู้จำหน่ายสินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้า โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์
คุณ “ชูศักดิ์ วิวัฒน์วงศ์เกษม” กรรมการผู้จัดการ ระบุถึงแผนธุรกิจในปีนี้ว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้รวมเติบโตไม่ต่ำกว่า 15% ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และจะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากการขายสินค้าและดอกเบี้ยเช่าซื้อให้เป็นไม่น้อยกว่าสองในสามของรายได้รวม และพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อเติบโตไม่ต่ำกว่า 30%
โดยเน้นขยายช่องทางการขายสินค้าทั้งด้านออนไลน์ และออฟไลน์ ผ่านแพลตฟอร์ม E-commerce รวมถึงขยายผ่านสาขาย่อยในรูปแบบ Shop in Shop ซึ่งจะช่วยให้เข้าถึงลูกค้าได้ง่ายขึ้น และเพิ่มลูกค้าใหม่ได้มากขึ้น
สำหรับช่องทางการขายออนไลน์ SM ได้ร่วมกับทีมที่ปรึกษา ที่มีความเชี่ยวชาญทางเทคโนโลยีโดยเฉพาะ ในการพัฒนาโปรแกรมซอฟแวร์และระบบเครือข่าย รวมถึงดิจิตอลแพลตฟอร์ม เพื่อให้การขยายธุรกิจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว ซึ่งคาดว่าจะสามารถช่วยขยายธุรกิจและเพิ่มรายได้สูงขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 3/2568 เป็นต้นไป
พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาตลาดใหม่และเพิ่มช่องทางการขายใหม่ ผ่านพันธมิตรคู่ค้าหลายราย เพื่อเพิ่มโอกาสในการขยายธุรกิจที่มีอยู่ รวมถึงเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงและขายสินค้าใหม่ๆ ที่มีอนาคต และความต้องการสูง เช่น สินค้า Solar Rooftop และ รถจักรยานไฟฟ้า EV เป็นต้น
“กลยุทธ์ต่างๆที่กำหนดไว้ จะส่งเสริมให้ SM มีผลประกอบการที่ดีขึ้น รวมถึงมีภาพลักษณ์ธุรกิจที่แข็งแกร่งทั้งด้าน Retail และ Financial Services” กรรมการผู้จัดการ SM มั่นใจ

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงการลงทุนของชาวต่างชาติ ปี 2567 ว่า การลงทุนในพื้นที่ EEC มีนักลงทุนต่างชาติสนใจเข้าลงทุน 301 ราย คิดเป็น 32% ของจำนวนนักลงทุนต่างชาติที่ได้รับอนุญาตในปี 2567 เพิ่มขึ้นจากปี 2566 จำนวน 167 ราย (124%) มูลค่าการลงทุนในพื้นที่ EEC จำนวน 56,490 ล้านบาท คิดเป็น 25% ของเงินลงทุนทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากปี 2566 จำนวน 17,877 ล้านบาท (46%)
โดยเป็นนักลงทุนจากญี่ปุ่น 103 ราย ลงทุน 20,593 ล้านบาท จีน 72 ราย ลงทุน 12,107 ล้านบาท ฮ่องกง 20 ราย ลงทุน 5,698 ล้านบาท และประเทศอื่นๆ 106 ราย ลงทุน 18,092 ล้านบาท ธุรกิจที่ลงทุนในพื้นที่ EEC เช่น ธุรกิจบริการทางวิศวกรรม (อุตสาหกรรมยานยนต์) ธุรกิจจัดหาจัดซื้อวัตถุดิบส่วนประกอบ และชิ้นส่วนสำหรับอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ และอุตสาหกรรมยานยนต์ เพื่อค้าส่งในประเทศ ธุรกิจบริการระบบซอฟต์แวร์ฐาน ธุรกิจบริการชุบแข็ง และธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า เป็นต้น
การลงทุนของต่างชาติในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) นอกจากจะทำให้เศรษฐกิจในพื้นที่เติบโตแล้วยังทำให้เกิดการจ้างงาน สร้างรายได้และเศรษฐกิจให้คนในชุมชน ส่งผลดีต่อการจับจ่ายใช้สอย รวมทั้งยอดขายในกลุ่มสมาร์ทโฟน ที่นับเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิตในปัจจุบัน
โดยเห็นได้จาก International Data Corporation (IDC) ที่ระบุว่า ตลาดสมาร์ทโฟนในประเทศไทยเติบโตอย่างโดดเด่นในปี 2567 มียอดส่งมอบ 16.9 ล้านเครื่อง คิดเป็นอัตราการเติบโต 17.1% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า (YoY) โดยเฉพาะในครึ่งปีแรกของปี 2567 มีอัตราการเติบโต 14% ก่อนที่ครึ่งปีหลังจะเร่งตัวขึ้นเป็น 20%
ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2567 ตลาดมีการส่งมอบสมาร์ทโฟนถึง 4.7 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้น 27% YoY ซึ่งเป็นผลจากการเปิดตัวของสมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้นที่หลากหลายจากแบรนด์หลัก
ซึ่งตลาดสมาร์ทโฟนของไทยที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งในปี 2567 มาจากแรงหนุนของสมาร์ทโฟนที่มีให้เลือกหลากหลายแบรนด์และมีราคาไม่แพง รวมทั้งการเข้าถึงผ่านโครงการผ่อนชำระที่เพิ่มขึ้น ทำให้แนวโน้มของสมาร์ทโฟน 5G ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง และคาดว่าตลาดจะยังเติบโตต่อไปในปี 2568
และหากนึกถึงผู้ให้บริการสินเชื่อรายย่อยทั้งแบบที่มีหลักประกันและไม่มีหลักประกัน ต้องคิดถึง บมจ.สตาร์มันนี่ (SM)ราชาเงินผ่อนภาคตะวันออก และบริษัทยังเป็นผู้จำหน่ายสินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้า โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์
คุณ “ชูศักดิ์ วิวัฒน์วงศ์เกษม” กรรมการผู้จัดการ ระบุถึงแผนธุรกิจในปีนี้ว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้รวมเติบโตไม่ต่ำกว่า 15% ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และจะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากการขายสินค้าและดอกเบี้ยเช่าซื้อให้เป็นไม่น้อยกว่าสองในสามของรายได้รวม และพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อเติบโตไม่ต่ำกว่า 30%
โดยเน้นขยายช่องทางการขายสินค้าทั้งด้านออนไลน์ และออฟไลน์ ผ่านแพลตฟอร์ม E-commerce รวมถึงขยายผ่านสาขาย่อยในรูปแบบ Shop in Shop ซึ่งจะช่วยให้เข้าถึงลูกค้าได้ง่ายขึ้น และเพิ่มลูกค้าใหม่ได้มากขึ้น
สำหรับช่องทางการขายออนไลน์ SM ได้ร่วมกับทีมที่ปรึกษา ที่มีความเชี่ยวชาญทางเทคโนโลยีโดยเฉพาะ ในการพัฒนาโปรแกรมซอฟแวร์และระบบเครือข่าย รวมถึงดิจิตอลแพลตฟอร์ม เพื่อให้การขยายธุรกิจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว ซึ่งคาดว่าจะสามารถช่วยขยายธุรกิจและเพิ่มรายได้สูงขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 3/2568 เป็นต้นไป
พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาตลาดใหม่และเพิ่มช่องทางการขายใหม่ ผ่านพันธมิตรคู่ค้าหลายราย เพื่อเพิ่มโอกาสในการขยายธุรกิจที่มีอยู่ รวมถึงเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงและขายสินค้าใหม่ๆ ที่มีอนาคต และความต้องการสูง เช่น สินค้า Solar Rooftop และ รถจักรยานไฟฟ้า EV เป็นต้น
“กลยุทธ์ต่างๆที่กำหนดไว้ จะส่งเสริมให้ SM มีผลประกอบการที่ดีขึ้น รวมถึงมีภาพลักษณ์ธุรกิจที่แข็งแกร่งทั้งด้าน Retail และ Financial Services” กรรมการผู้จัดการ SM มั่นใจ