Talk of The Town

จัดหนัก! 5 หุ้นเด่น เหมาะลงทุนแบบ DCA ประจำปี 68


17 กุมภาพันธ์ 2568

การลงทุนด้วยกลยุทธ์แบบ DCA หรือ กลยุทธ์การลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน หรือเรียกง่ายๆ ว่า  DCA (Dollar-Cost Averaging)  เป็นการทยอยลงทุนอย่างสม่ำเสมอด้วยจำนวนเงินเท่าๆ กัน เพื่อสร้างวินัยการออมและมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว ทั้งในยามตลาดหุ้นวิกฤติ หุ้นถูกผิดปกติ หรือในยามที่ตลาดหุ้นแพงมากกว่าปกติ DCA จะทำให้นักลงทุนได้หุ้นที่มีราคาต้นทุนแบบ “ถัวเฉลี่ย” จึงมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว

จัดหนัก 5 หุ้นเด่น _S2T (เว็บ) copy.jpg

ล่าสุดนักวิเคราะห์บริษัท หลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ได้ออกมาเปิดเผยกลยุทธ์แบบ DCA ไว้อย่างน่าสนใจ โดยระบุว่า กลยุทธ์การลงทุนแบบ “ถัวเฉลี่ยต้นทุน” หรือ Dollar-Cost Averaging (DCA) ยังเป็นกลยุทธ์ที่นักลงทุนให้ความสนใจต่อเนื่อง เพราะนอกจากจะสร้างวินัยการออมและการลงทุนแล้ว ยังช่วยลดความเสี่ยงจากการลงทุนไม่ถูกจังหวะอีกด้วย

โดยเฉพาะปัจจุบันภาวะตลาดมีความไม่แน่นอนสูงจากความเสี่ยงด้านนโยบายของทรัมป์ในการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าและมาตรการตั้งกำแพงภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ซึ่งอาจใช้แทนการตั้งกำแพงภาษีแบบทั่วหน้า (Universal Tariffs) อย่างที่เคยหาเสียงไว้  

สำหรับภาพการลงทุนของตลาดหุ้นไทยแกว่งไซด์เวย์ดาวน์ต่อเนื่องมาตั้งแต่ต้นปี 2566 ล่าสุดในต้นปี 2568 นี้ SET Index ปรับตัวลงแตะจุดต่ำสุดใหม่ในรอบ 4 ปีที่บริเวณ 1,250 จุด ก่อนดีดตัวขึ้นทางเทคนิคเล็กน้อย แต่ปัจจุบันยังคงเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 1,300 จุด

ทั้งนี้ 5 หุ้น DCA ที่เคยแนะนำไปในช่วงกลางปี 2566 จนถึงปัจจุบัน (ข้อมูล ณ 31 ม.ค. 2568) แม้ผลตอบแทนโดยรวม (รวมเงินปันผลแล้ว) จะเป็นติดลบอยู่ที่ -5.4% แต่ก็ดีกว่าผลตอบแทนโดยรวมของ SET TRI Index ที่ -11.6% สะท้อนกลยุทธ์การลงทุนแบบ DCA และหุ้น DCA ที่คัดเลือกให้สามารถเอาชนะตลาดได้แม้เป็นช่วงที่ตลาดหุ้นไทยซบเซาในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาก็ตาม

อย่างไรก็ดี ฝ่ายวิจัยมีการปรับเปลี่ยนคำแนะนำและมูลค่าที่เหมาะสมทางปัจจัยพื้นฐานของหุ้นบางตัว ทำให้ได้แนะนำหุ้น DCA ใหม่สำหรับปี 2568 แต่ยังคงแนวทางการคัดเลือกหุ้นที่สำคัญ 5 ข้อดังต่อไปนี้

(1)    เป็นหุ้นพื้นฐานดีขนาดใหญ่ที่กิจการมีการเติบโตมั่นคง

(2)    มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง มีการจ่ายปันผลดีสม่ำเสมอ

(3)    ราคาหุ้นปัจจุบันต่ำกว่ามูลค่าที่เหมาะสมทางปัจจัยพื้นฐาน

(4)    ดำเนินธุรกิจโปร่งใสให้ความสำคัญด้าน ESG

(5)    คัดเลือกหุ้น DCA จากอุตสาหกรรมที่หลากหลายเพื่อกระจายความเสี่ยง

หุ้น DCA แนะนำปี 2568

ADVANC (ESG Rating = AA) เป็นผู้นำในธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมของประเทศ, แนวโน้มกำไรปี 2568-69 คาดเติบโต 21% และ 8% ตามลำดับจากการแข่งขันในอุตสาหกรรมที่ลดลงและรายได้การให้บริการที่เติบโตทั้งมือถือและบรอดแบนด์ ขณะที่มองมี Downside Risk ในการประมูลคลื่น 2300 MHz ต่ำกว่าคู่แข่ง, งบดุลแข็งแกร่ง คาดอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อ EBITDA ลดลงเป็น 1.7 เท่า และ 1.5 เท่า ในปี 2568-69 จาก 2.1 เท่า ในปี 2567, มีเงินปันผลน่าดึงดูดเฉลี่ยมากกว่าระดับ 4% สำหรับปี 2568-69 ล่าสุดบริษัทประกาศเงินปันผลสุดท้าย 5.74 บาทต่อหุ้น (ขึ้น XD วันที่ 20 ก.พ.), มูลค่าเหมาะสมที่ 307 บาท

BDMS (ESG Rating = A) เป็นโรงพยาบาลเอกชนที่มีเครือข่ายใหญ่ที่สุดของประเทศ เทรนด์โลกเกี่ยวกับการก้าวเข้าสู่สังคมสูงอายุหนุนศักยภาพการเติบโตระยะยาว, มองรายได้ผู้ป่วยต่างชาติแข็งแกร่งจะช่วยหนุนการเติบโต ขณะที่แนวโน้มผู้ป่วยจีน ผู้ป่วยตะวันออกกลาง และผู้ป่วย CLMV เริ่มมีเสถียรภาพ, ได้รับผลกระทบจำกัดจากประกันแบบ Co-payment โดยคาดการณ์กำไรปี 2568-69 เติบโตมั่นคงเฉลี่ยปีละ 9%, การประเมินมูลค่าด้วย Fwd. PER อยู่ที่ 21-22 เท่า ต่ำกว่าถึงเกือบ -2SD จากค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 35 เท่า, มูลค่าเหมาะสมที่ 33 บาท

BEM (ESG Rating = AAA) เป็นผู้บริหารทางพิเศษและระบบขนส่งมวลชนด้วยรถไฟฟ้า แนวโน้มการดำเนินธุรกิจหลักแข็งแกร่งและเติบโตต่อ คาดกำไรทำสถิติใหม่ต่อเนื่องในช่วง 2 ปีข้างหน้า จาก 1.คาดจำนวนผู้โดยสารเติบโตต่อเนื่องตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจขยายตัว และจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 2.คาดจำนวนผู้ใช้ทางด่วนมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นหลังการก่อสร้างทางด่วนพระราม 3 – ดาวคะนอง แล้วเสร็จในเดือน มิ.ย. 3.ยังมี Upside ที่ยังไม่รวมในประมาณการจากโครงการ M&E ของรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ และโครงการ Double Deck, มูลค่าเหมาะสมที่ 11 บาท

BJC (ESG Rating = AA) ได้ประโยชน์จากการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศและการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว, การปรับปรุงห่วงโซ่อุปทานช่วยหนุนอัตรากำไรขั้นต้นแตะระดับสูงใหม่ คาดรายได้ในทุกห่วงโซ่อุปทานเติบโตและอัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นในทุกหมวดจากกลยุทธ์ BIGC ที่มุ่งเน้นอาหารสด ขณะที่ธุรกิจบรรจุภัณฑ์ได้ประโยชน์จากประสิทธิภาพที่ดี และการขายผลิตภัณฑ์ Personal Care ที่มีอัตรากำไรสูงกว่า และยอดขายผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพปรับตัวดีขึ้น, การประเมินมูลค่าหุ้นน่าสนใจ PER ปีนี้ที่ 15.6 เท่า และปีหน้าลดลงเหลือ 14.3 เท่า ขณะที่ PBV ต่ำเพียง 0.7 เท่า หาได้ยากในธุรกิจค้าปลีกขนาดใหญ่, มูลค่าเหมาะสมที่ 32 บาท

KTB (ESG Rating = AAA) งบดุลแข็งแกร่ง (ความเสี่ยง NPL ต่ำและ Coverage Ratio สูง) คาดรักษาต้นทุนเครดิตไว้ที่ราว 100-110 bps ได้ และช่วยหนุนการเติบโตของกำไรสุทธิ รวมทั้งช่วยให้ ROE อยู่ในระดับที่มากกว่า 10%, ฐานเงินกองทุนที่สูง (CAR 20.8% และ CET1 17.9%) คาดช่วยหนุนเงินปันผล (ปี 2568-69 อยู่ที่ 5.5% และ 5.9%), มูลค่าปัจจุบันอยู่ในระดับที่ถูก PBV 0.7 เท่าใกล้เคียงกับอุตสาหกรรม แต่มีแนวโน้มการเติบโตของกำไรที่สูงกว่า (เฉลี่ยปีละ +10% vs อุตสาหกรรม +5%), มูลค่าเหมาะสมที่ 28 บาท

จัดหนัก 5 หุ้นเด่น _S2T (เพจ) copy.jpg

DCA