Talk of The Town

โบรกฯ หั่นเป้า PTTGC-GPSC เหตุธุรกิจปิโตร-โรงกลั่นยังไม่ฟื้น นโยบายรัฐแทรกแซงค่าไฟยังกดดัน


18 กุมภาพันธ์ 2568

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ได้ปรับประมาณการกำไร และราคาเป้าหมายลงของ สองบริษัทยักษ์ใหญ่ในกลุ่มปตท.หลังจากที่ประกาศผลการดำเนินงานงวดปี 2567 เรียบร้อยแล้ว โดยปรับราคาเป้าหมายของ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC และ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC เนื่องจากธุรกิจยังได้รับปัจจัยกดดัน

โบรกฯ หั่นเป้า PTTGC-GPSC_S2T (เว็บ)_0.jpg

โดยนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คงคำแนะนำ “ถือ” ที่ราคาเป้าหมายใหม่ปี 68 ที่ 21.00 บาท (เดิม 25.00 บาท) อิง PBV เป้าหมายใหม่ที่ 0.36x (เท่ากับ -2.75SD ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย PBV 5 ปีย้อนหลัง) โดย PTTGC ประกาศขาดทุนสุทธิในไตรมาส 4/67 ที่ 1.17 หมื่นล้านบาท เทียบกับกำไร 5.1 พันล้านบาทในไตรมาส 4/66 และขาดทุน 1.93 หมื่นล้านบาทในไตรมาส 3/67 ต่ำกว่าที่ตลาดประเมินขาดทุนสุทธิที่ 1.03 หมื่นล้านบาท

โดยผลประกอบการที่พลิกเป็นขาดทุนจากปีก่อน เป็นผลจากการตั้งสำรองการเปลี่ยน โครงสร้างธุรกิจของบริษัท Vencorex และ PTT Asahi Co.Ltd. (PTTAC) ขณะที่ดีขึ้นจากไตรมาสก่อน จากการหายไปของผลขาดทุนจากการตั้งสำรองด้อยค่าของ สินทรัพย์ (loss on impairment of assets) โดยบริษัทรายงาน Adjusted EBITDA ที่อ่อนตัวลงในทุกธุรกิจในไตรมาสนี้ ซึ่งหลักๆเป็นผลจากราคาและ ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ (spread) ที่อ่อนตัว

ขณะเดียวกันเชื่อว่าผลประกอบการของบริษัทจะยังคงอ่อนแอในไตรมาส 1/68 ตามแนวโน้ม spread ในธุรกิจ ปิโตรเคมีและ โรงกลั่นยังทรงตัวต่ำ อย่างไรก็ดี บริษัทประกาศจ่ายเงินปันผลสำหรับผล ประกอบการปี 67 ที่ 0.50 บาทต่อหุ้น (สะท้อนอัตราตอบแทนเงินปันผลที่ 2.5%) โดยจะขึ้น XD วันที่ 3 มี.ค. 68

ทั้งนี้ปรับประมาณการปี 68 ลงเล็กน้อยหลักๆเพื่อสะท้อน olefins spread และค่าการกลั่นตลาด (market GRM) ที่ลดลง อย่างไรก็ดีเชื่อว่าบริษัทจะเห็นกำไรฟื้นตัวต่อเนื่องในปี 69  เพิ่มขึ้น 55% จากปีก่อน โดยมีแรงหนุนจาก PE spread ที่ดีขึ้นราคาหุ้นปรับตัวลง 18% และ underperform SET 15% ใน 6 เดือน สะท้อนความกังวลต่อแนวโน้ม PE spread ที่อ่อนตัวจากภาพรวมอุปสงค์การใช้พลาสติกที่ฟื้นตัวช้าตามเศรษฐกิจของจีน

อย่างไรก็ตามแม้เชื่อว่าราคาปัจจุบันได้สะท้อนปัจจัยลบเหล่านี้ไปมากแล้วและล่าสุดราคาหุ้นสะท้อน valuation ที่ไม่แพงที่ 2025E PBV = 0.34x (ประมาณ -2.85SD ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย PBV 5 ปีย้อนหลัง) แม้เชื่อว่า บริษัทน่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วเนื่องจากการรับรู้ loss on impairment of assets และการตั้งสำรองการเปลี่ยนโครงสร้างธุรกิจของบริษัท Vencorex และ PTTAC น่าจะหมดแล้ว แต่ยังไม่เห็นปัจจัยหนุนในระยะสั้นถึงกลางเนื่องจาก ภาพรวมอุตสาหกรรมปิโตรเคมีและโรงกลั่นที่ยังคงอ่อนแอ

GPSC นโยบายรัฐแทรกแซงค่าไฟ

ปรับคำแนะนำลงเป็น “ถือ” (เดิม “ซื้อ”) และปรับราคาเป้าหมายลงเป็น 40.00 บาท จากเดิม 60.00 บาท อิง DCF (WACC 5.9%, TG 0%) หลังปรับประมาณ การลงกังวลการแทรกแซงค่าไฟฟ้าของภาครัฐ ทั้งนี้บริษัทประกาศงบ ไตรมาส 4/67 กำไรสุทธิ 1 พันล้านบาท (ใกล้เคียงตลาดประเมิน)

อย่างไรก็ตามหากตัด รายการพิเศษออกกำไรปกติอยู่ที่ 729 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 66% จากปีก่อน แต่ลดลง 32% จากไตรมาสก่อน โดยสาเหตุที่ลดลงจากปีก่อนปรับตัวเพิ่มขึ้นจากโรงไฟฟ้า SPP หลังมีการปรับค่า Ft ให้สูงขึ้น และ ต้นทุนก๊าซธรรมชาติ ลดลง 3% จากปีก่อน และลดลง 7% จากไตรมาสก่อน และถ่านหิน ลดลง 12% จากปีก่อน ลดลง 2% จากไตรมาสก่อนที่ลดลง ในขณะที่ไตรมาสก่อน ลดลงจากปัจจัยฤดูกาลโรงไฟฟ้า IPP, SPP แม้กำไรปกติปี 67 ออกมาใกล้เคียงประมาณการของเรา

ทั้งนี้ปรับประมาณการกำไรปกติปี 68 ลงมาที่ 4.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% จากปีก่อน ปรับลดลงจากประมาณการเดิมลดลง 30% เหตุกังวลการแทรกแซงค่าไฟฟ้าของภาครัฐ ที่มีความเข้มข้นมากขึ้น โดยมีความพยายามผลักดันให้ค่าไฟฟ้าลงมาอยู่ที่ระดับ 3.7 บาท/หน่วย

อย่างไรก็ตามหากเกิดขึ้นจริงคาดว่าน่าจะเกิดในงวดสุดท้ายของปี 68 เนื่องจากต้องใช้เวลาในการดำเนินการ แต่ทั้งนี้ประกอบการปี 68 ยังคงได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการของโครงการ Avaada ซึ่งทยอย COD ต่อเนื่อง (2.0GW ในปี 67 เป็น 8.7GW ในปี 2570 และโครงการ CFXD 149MW เดินเครื่องเต็มในปี 68

รวมถึงโครงการไซยะบุรีซึ่งคาดว่าไม่มีหยุดเดินเครื่องอีกราคาหุ้นกลับมาเคลื่อนไหวใกล้เคียง SET ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ประเมินตลาด priced in ความกังวลเรื่องการแทรกแซง ค่าไฟฟ้าจากภาครัฐไปพอสมควร อย่างไรก็ตามประเด็นดังกล่าวยังมีความไม่ แน่นอนสูงว่าใช้แนวทางใด ซึ่งคาดว่าจะยังเป็นปัจจัย overhang ราคาหุ้นต่อไป จนกว่าจะเห็นความชัดเจน