รายงานพิเศษ : I2 ลุ้นรายได้โตทำสถิติใหม่ต่อเนื่อง รับกระแสความร้อนแรงเทคโนโลยี AI เดินหน้าคว้าโอกาสประมูลงานใหม่
ท่ามกลางการแข่งขันและสงครามเทคโนโลยีที่ร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง เทคโนโลยี AI เข้ามามีบทบาทมากขึ้นและยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างก้าวกระโดด ส่งผลดีต่อธุรกิจ บมจ.ไอ ทู เอ็นเตอร์ไพรซ์ (I2) ซึ่งผู้บริหารเชื่อผลงานยังทำสถิติใหม่ต่อเนื่อง
เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI เริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในหลากหลายอุตสาหกรรมและภาคธุรกิจ ซึ่งการนำเทคโนโลยี AI มาใช้ในยุคแรก คือ Machine Learning และต่อมาได้ถูกพัฒนาต่อยอดไปสู่ Deep Learning ที่ใช้ในการประมวลผลข้อมูลที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น สำหรับในระยะข้างหน้าเรามองว่าเทรนด์ AI จะมุ่งเน้นไปที่ความสามารถในการตอบโต้กับโลกกายภาพได้มากขึ้น ได้แก่
1) ยานยนต์ไร้คนขับ ที่เป็นระบบการขับขี่โดยไม่มีมนุษย์ควบคุม
2) เทคโนโลยี Digital Twin ที่สร้างแบบจำลองเสมือนจริงของวัตถุทางกายภาพ
3) Avatar AI ที่เป็นการสร้างตัวแทนบุคคลเสมือนจริง ส่งผลให้ตลาดของเทคโนโลยี AI ยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยจากข้อมูลของ Statista คาดว่า มูลค่าตลาดของเทคโนโลยี AI มีแนวโน้มเติบโตราว 27.6% ต่อปีในช่วงปี 2025-2030 มาอยู่ที่ 8.2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2030
ซึ่ง SCB EIC คาดการณ์ว่าแนวโน้มความต้องการเทคโนโลยี AI ในตลาดโลกที่เพิ่มสูงขึ้น จะส่งผลให้ผู้ประกอบการ ที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทานของเทคโนโลยี AI เติบโตต่อเนื่อง
โดยกลุ่มที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทาน AI ประกอบไปด้วยกลุ่มฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ กลุ่มโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูล เช่น Data center และ Cloud service ไปจนถึงกลุ่มผู้ให้บริการที่เป็นผู้พัฒนาโปรแกรมหรือแอปพลิเคชัน SCB EIC คาดการณ์ว่ากลุ่มธุรกิจที่จะได้ประโยชน์ คือ
1) ธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ นับตั้งแต่ผู้ผลิตเครื่องจักรสำหรับผลิตชิปขั้นสูงอย่าง ASML ผู้ผลิตและออกแบบชิป (NVIDIA) ผู้รับจ้างผลิต (TSMC) ไปจนถึงกลุ่มให้บริการแพ็กเกจ ประกอบและทดสอบชิป
2) อุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์และซอฟต์แวร์ ซึ่งปัจจุบันธุรกิจต่าง ๆ ได้เริ่มนำเอาซอฟต์แวร์ AI มาใช้ในการประมวลผลข้อมูลเชิงลึกมากขึ้น เช่น ธุรกิจ Healthcare ที่นำเทคโนโลยี AI มาใช้ในการบริหารจัดการข้อมูลด้านสุขภาพ วินิจฉัยและรักษาโรค รวมถึงการดูแลผู้ป่วย เป็นต้น ทั้งนี้ Gartner คาดการณ์ว่าตลาดซอฟต์แวร์ AI มีแนวโน้มจะเติบโตเฉลี่ยราว 19% ต่อปีในช่วงปี 2023-2027
3) ธุรกิจ AI applications ไม่ว่าจะเป็น ChatGPT และ Google Gemini ที่มีการแข่งขันกันในการพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ ๆ เพื่อให้ตอบโจทย์ผู้ใช้งานเฉพาะกลุ่มมากขึ้น ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยอัจฉริยะที่สามารถให้คำแนะนำและให้ความช่วยเหลือในการสร้างสรรค์ข้อมูลใหม่ โดยคาดว่า ชิป ASIC ที่ถูกนำไปใช้งานในแอปพลิเคชัน AI ต่าง ๆ มีแนวโน้มที่จะขยายตัวต่อเนื่อง สะท้อนได้จากข้อมูลของ J.P. Morgan ที่ระบุว่า ยอดขายชิป ASIC โลก มีแนวโน้มเติบโตราว 42% ต่อปีในช่วงปี 2023-2028 มาอยู่ที่ 9.9 ล้านชิ้นในปี 2028
แนวโน้มกระแสความร้อนแรงของเทคโนโลยี ส่งผลดีต่อธุรกิจบมจ.ไอ ทู เอ็นเตอร์ไพรซ์ (I2) ฐานะที่ประกอบธุรกิจบริการ System Integration (SI) แบบครบวงจร ได้แก่ ให้คำปรึกษา ออกแบบ จัดหา ติดตั้ง และจำหน่ายผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสาร โทรคมนาคม และระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เช่น Infrastructure, Network, Transformation, อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงผ่านสัญญาณดาวเทียม และเทคโนโลยีด้านการประหยัดพลังงาน
ซึ่ง นายอธิพร ลิ่มเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร I2 คาดการณ์แนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2567 บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้เติบโต 20% สร้างสถิติใหม่ต่อเนื่อง โดยล่าสุดมีแผนร่วมประมูลงานใหม่รวมมูลค่าประมาณ 6,455 ล้านบาท คาดว่ามีโอกาสได้รับงานไม่ต่ำกว่า 20% ช่วยผลักดันผลการดำเนินงานในช่วง 1-2 ปีข้างหน้าให้เติบโตก้าวกระโดด
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงศึกษาและมองหาโอกาสในการลงในธุรกิจใหม่ โดยมุ่งเน้นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับด้าน ESG การใช้พลังงานหมุนเวียน การประหยัดพลังงาน การลดก๊าซเรือนกระจก รวมไปถึงการสรรหาลูกค้าใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้อง และมีแผนลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับด้าน ESG และด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) สอดคล้องเมกะเทรนด์