ในปี 2567 ที่ผ่านมา สถานการณ์การลงทุนในหุ้นทั่วโลกเป็นช่วงที่ตลาดหุ้นหลายประเทศได้ปรับตัวลงมาจนอยู่ที่ระดับที่ค่อนข้างถูกและบางประเทศก็ปรับตัวขึ้นจนสร้างผลตอบแทนได้เป็นกอบเป็นกำ จึงทำให้การจับจังหวะลงทุนที่เหมาะสมก็สร้างผลตอบแทนได้เช่นเดียวกัน
รวมไปถึงในการลงทุนในกองทุนรวมที่แม้ว่าในอุตสาหกรรมเดียวกัน ก็ยังให้ผลตอบแทนที่แตกต่างกันออกไป ในวันนี้ทางสำนักข่าว Share2Trade จึงอยากที่จะหยิบยกตัวอย่างกองทุนที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้โดเด่นที่สุดใน 5 กลุ่มของกองทุนรวมมานำเสนอกันในครั้งนี้
โดยข้อมูลจาก Morningstarthailand เปิดเผยผลตอบแทนของกองทุนรวมในปี 2567 แต่ละ Morningstar category 10 อันดับแรก ยังสามารถสร้างผลตอบแทนได้ในระดับ 20% ขึ้นไป โดยส่วนใหญ่ยังคงเป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นต่างประเทศ ทั้งในตลาดพัฒนาแล้ว และตลาดเอเชีย รวมถึงกลุ่มที่เน้นเจาะจงเป็นรายอุตสาหกรรม อีกทั้งยังมีกองทุนในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์อย่างเช่นทองคำ ติดในกลุ่มกองทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดเช่นกัน
สำหรับกองทุนที่สร้างผลตอบแทนได้โดดเด่นที่สุดมาจากกลุ่มหุ้นเทคโนโลยีโลก (Global Technology) ก็คือ กองทุนเปิด แอล เอช อีสปอร์ต ชนิดจ่ายเงินปันผล หรือ LHESPORT-D มีนโยบายลงทุนในบริษัทที่ดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวกับวิดีโอเกมส์ อีสปอร์ต บริษัทที่พัฒนาวิดีโอเกมส์และโปรแกรมหรืออุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งผลตอบแทนอยู่ที่ 40.51%
รองลงมาเป็นกลุ่มหุ้นไทยโฟกัสรายอุตสาหกรรม (TH Sector Focus Equity) โดยเป็นกองทุน กองทุนเปิดเค ดัชนีหุ้นธุรกิจเทคโนโลยีและการสื่อสาร หรือ K-ICT ที่ลงทุนหุ้นในดัชนีธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 37.42%
ถัดมาเป็นกลุ่มหุ้นสหรัฐฯ (US Equity) ก็คือ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ หุ้นยูเอส แอคทีฟ (ชนิดเพื่อการออมผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์) หรือ SCBUSA(SSFE) ที่จะลงทุนในตราสารทุนของบริษัทในประเทศสหรัฐอเมริกาที่มุ่งเน้นการเติบโตอย่างมีคุณภาพ และอาจมีการลงทุนเสริมในหลักทรัพย์นอกประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งให้ผลตอบแทนในปี 67 อยู่ที่ 35%
กลุ่มหุ้นโลก (Global Equity) เป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่ให้ผลตอบแทนติดท็อป 5 ในปี 2567 โดยมี กองทุนเปิด ทิสโก้ โกลบอล สตาร์ พลัส อันเฮดจ์ หรือ TSTAR-UH ที่จะลงทุนในตราสารทุนต่างประเทศ และกองทุนรวมอีทีเอฟตราสารทุน ต่างประเทศทั่วโลก ซึ่งในผลตอบแทนอยู่ที่ 30.92%
และสุดท้ายกับหุ้นจีน (China Equity) กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นจีน (ชนิดเพื่อการออมผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์) หรือ SCBCE(SSFE) ซึ่งจะลงทุนในดัชนี Hang Seng China Enterprises Index ETF มุ่งหวังสร้างผลตอบแทนกองทุนให้ใกล้เคียงหรือเทียบเท่ากับผลตอบแทนจากการลงทุนในดัชนี โดยสามารถสร้างผลตอบแทนอยู่ที่ 29.13%