ถือเป็นข้อถกเถียงกันอย่างต่อเนื่องกับการทำงานของกองทุนประกันสังคมที่จะทำหน้าที่บริหารจัดการเงินของผู้ประกันตนเข้าไปลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆเพื่อแสวงหาการสร้างผลตอบแทน แต่ในช่วงที่ผ่านมาผลตอบแทนกลับไม่เป็นดั่งที่หลายๆคนคาดหวังไว้
พร้อมกับตั้งข้อสงสัยถึงเงินนำเข้าไปลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆว่ามีความคุ้มค่ามากแค่ไหนและลงทุนในสินทรัพย์ใดบ้าง ทางสำนักข่าว Share2Trade จึงได้ทำการสำรวจข้อมูลพอร์ตการลงทุนของกองทุนประกันซึ่งพบว่าได้มีการลงทุนในหุ้นต่างประเทศด้วยเช่นกัน
ดังนั้น เราจึงอยากจะหยิบยกพอร์ตหุ้นต่างประเทศในกองทุนประกันสังคมมานำเสนอให้แก่ผู้อ่านและนักลงทุนได้ดูถึง 10 อันดับหุ้นต่างประเทศที่มีมูลค่าลงทุนสูงสุด ซึ่งมูลค่ารวมกันกว่า 72,018 ล้านบาท โดยรายละเอียดหุ้นประกอบไปด้วย
1.Apple Inc. มูลค่า 11,712 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 3.24% ของพอร์ตลงทุนหุ้นต่างประเทศ
2. NVIDIA Corp. มูลค่า 11,554 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 3.20% ของพอร์ตลงทุนหุ้นต่างประเทศ
3. Microsoft Corp. มูลค่า 10,846 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 3.00% ของพอร์ตลงทุนหุ้นต่างประเทศ
4. Taiwan Semiconductor Manufacturing Co., Ltd. มูลค่า 8,668 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 2.40% ของพอร์ตลงทุนหุ้นต่างประเทศ
5. Amazon.com Inc. มูลค่า 6,791 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 1.88% ของพอร์ตลงทุนหุ้นต่างประเทศ
6. Alphabet Inc. มูลค่า 6,714 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 1.86% ของพอร์ตลงทุนหุ้นต่างประเทศ
7. Tencent Holdings Ltd. มูลค่า 4,437 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 1.23% ของพอร์ตลงทุนหุ้นต่างประเทศ
8. Meta Platforms Inc. มูลค่า 4,317 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 1.19% ของพอร์ตลงทุนหุ้นต่างประเทศ
9. TESLA Inc. มูลค่า 3,674 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 1.02% ของพอร์ตลงทุนหุ้นต่างประเทศ
10. BROADCOM Inc. มูลค่า 3,305 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 0.91% ของพอร์ตลงทุนหุ้นต่างประเทศ
ทั้งนี้ กองทุนประกันสังคมได้วางแผนยุทธศาสตร์ด้านการลงทุน เป็นแผนทบทวนการจัดสรรการลงทุนระยะยาว หรือเชิงกลยุทธ์(Strategic Asset Allocation) ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการสร้างผลตอบแทนกว่า 90% ให้กับกองทุนซึ่งสำนักงานจะมีการทบทวนทุก ๆ 5 ปี
โดยจากการทบทวนแผนยุทธศาสตร์ด้านการลงทุนฉบับปัจจุบัน ยังคงให้มีทิศทางการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้นโดยมีจุดมุ่งหมายหลัก คือ เพิ่มผลตอบแทนที่คาดหวัง (Expected Retum) การปรับเปลี่ยนจะมุ่งเน้นไปที่การปรับสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ไปยังสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงขึ้น ซึ่งจะทำให้กองทุนมีโอกาสเพิ่มผลตอบแทน
รวมถึงการลงทุนต่างประเทศจะช่วยลดการกระจุกตัวของเงินลงทุน และเป็นการบริหารความเสี่ยงกองทุนให้มีผลตอบแทนที่สม่ำเสมอในระยะยาวแทนการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนขึ้นกับสภาวะในประเทศไทยอย่างเดียว โดยเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงโดยให้มีสัดส่วนสินทรัพย์เสี่ยงมากกว่าเดิมโดยเน้นปรับสัดส่วนไปยังสินทรัพย์ทางเลือกมากขึ้น
โดยเพิ่มสัดส่วนการลงทุนต่างประเทศโดยกระจายการลงทุนไปทั่วโลก เพื่อลดการกระจุกตัวในประเทศ โดยตามแผนยุทธศาสตร์ด้านการลงทุนฉบับที่ 5 ระยะที่ 1 (2568-2570) มีเป้าหมายสัดส่วนการลงทุนสินทรัพย์ในประเทศ 53% และ สินทรัพย์ต่างประเทศ 47%