Gossip Station..by เจ๊จิ๋ม

Gossip Station by..เจ๊จิ๋ม 21-02-25 (กองทุน ESG2 วงเงิน 1.8 แสนล.กำลังจะมาาาาาาา)


21 กุมภาพันธ์ 2568

Gossip Station by..เจ๊จิ๋ม  21-02-25 (กองทุน ESG2 วงเงิน 1.8 แสนล.กำลังจะมาาาาาาา)

 

20-02-25 สวัสดีปีใหม่ 2568 “ปีงูไฟ" ค่ะพี่น้องชาวไทยที่รัก "เจ๊จิ๋ม" มารายงานตัว ณ ที่เก่าเวลาเดิม www.share2trade.com เปิดอ่านได้เลยมีเรื่องเด็ดๆ โดนๆ มาเม้าท์กันให้สนั่นวงการลงทุนของพวกเรากันเถอะ 

***ขอเริ่มที่เรื่องต่อเนื่องจากประเด็นเมื่อวานที่บอร์ดของ ตลท. เห็นชอบปรับปรุงมาตรการเพิ่มความเชื่อมั่นผู้ลงทุนและรักษาเสถียรภาพตลาดหุ้น ..วงการหุ้นได้ประเมินว่าประเด็นนี้เป็นกลาง-บวกอ่อนๆ ด้วยเหตุผลซัพพอร์ตคือ

1.) ช่วยลดความผันผวนของหุ้นขนาดกลาง-เล็กได้ดีขึ้น โดยปัจจุบันหุ้น Non SET100 มีสัดส่วนราว 20% ของ SET รวมถึงเพิ่มความเชื่อมั่นนักลงทุนต่อการลงทุนหุ้นขนาดกลาง-เล็กที่มีศักยภาพเติบโตระยะกลาง-ยาว โดยไม่มีความผันผวนระยะสั้นที่มากเกินควร

โดยการปรับเกณฑ์ดังกล่าวคาดหนุนหุ้นกลุ่ม non SET 100 มีโอกาสถูกเร่ง Cover Short โดยปัจจุบันหุ้นที่มีประเด็นหนุนระยะสั้น ในกลุ่มดังกล่าวที่ยังถูก Short สูงกว่าค่าเฉลี่ย (0.15% ของทุนช าระแล้ว) และคาดจะเห็นการเร่ง

Cover Short แนะนำเก็งก าไร TTA(ยอด Short 1.04%) TKN (0.79%) MAJOR (0.62%) PTG (0.58%) THCOM (0.48%) THANI (0.46%) PSL (0.38%) TIPH (0.36%) SNNP (0.26%) GFPT (0.25%) SC (0.16%) CPAXT (0.15%)

2.) หุ้นขนาดใหญ่ SET100 หลักเกณฑ์มีความสอดคล้องกับต่างประเทศมากขึ้น ผสาน การปรับในประเด็นที่ 3 อีกด้านจะหนุนสภาพคล่องและปริมาณซื้อขายกลับมาเพิ่มสูงขึ้น

***อีกประเด็นที่เจ๊เห็นว่าน่าสนใจและควรหยิบมาบอกกล่าวแฟนๆ ของเจ๊ซักหน่อยเรื่องของ SET 50 และ SET 100 interim Rebalance ที่จะมีการเปลี่ยนแปลงระหว่างกาล อันเป็นผลสืบเนื่องจากกรณี GULF, INTUCH จะมีการควบรวมเป็นบริษัทใหม่ คือ GULF Development ซึ่งจะเข้าตลาดวันที่ 3 เม.ย. ทำให้มีการนำหุ้นเข้า SET50/SET100ใหม่ในระหว่างกาล ดัชนีละ 1 บริษัท

***กูรูหุ้นจากค่าย KSS ได้ประเมินหุ้นที่มีโอกาสเข้า SET50 และ SET100 ใหม่ผลจากประเด็นนี้

SET50 : คาด 1 บริษัทเข้าใหม่ระหว่างกาล Rebalance สิ้นวันที่ 2 เมย คือ VGI (โอกาสเข้า 95%)

SET100 : คาด 1 บริษัทเข้าใหม่จะแข่งกันระหว่าง MOSHI (โอกาส 50%), THCOM (โอกาส 30%), KAMART (โอกาส 20%)

***ทั้งนี้ คาดว่าหุ้นที่ถูกนำเข้า SET50/100 จะถูกเพิ่มน้ำหนักจาก Passive Fund เป็นบวกต่อราคาหุ้น โดยในส่วน SET 50 เราแนะนำเก็งก าไร VGI และ BTS บ.แม่ (ถือหุ้น 57.1%) ส่วน SET100 แนะนำเก็งกำไร MOSHI

***เตรียมตัวพร้อมกันรึยางงงงงงง!!! กระทรวงการคลังแจกข่าวดี..บอกว่ากำลังเร่งดำเนินการจัดตั้ง กองทุน ThaiESG กองที่ 2 คาดว่าจะมีความชัดเจนภายในเดือนมีนาคมนี้ โดยวงเงินกองทุนอยู่ที่ประมาณ 1.8 แสนล้านบาท ซึ่งสอดคล้องกับกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ที่ครบกำหนดอายุไปแล้ว ส่วนโครงสร้างการลงทุนและสิทธิประโยชน์ของกองทุนยังอยู่ระหว่างการหารือ ซึ่งอาจมีความแตกต่างจากกองทุน ThaiESG เดิม แต่ยังคงเน้นให้เป็นการลงทุนภายในประเทศ

***มีการประเมินว่าการจัดตั้งกองทุนดังกล่าวเป็นปัจจัยบวก ต่อตลาดหุ้นไทย เนื่องจากจะช่วยลดแรงขายจาก LTF ที่ครบอายุ โดยมีปัจจัยหนุนสองประการ ได้แก่ การเติมสภาพคล่องใหม่จาก ThaiESG ที่เข้ามาทดแทน LTF เดิมซึ่งไม่มีเงินใหม่ไหลเข้ามา และการที่นักลงทุนที่ถือ LTF ในช่วง 7 ปีหลัง ซึ่งมีต้นทุนเฉลี่ยอยู่ที่ 1,620-1,640 จุด จะได้รับโอกาสจากเม็ดเงินใหม่ที่เข้าสู่ตลาด ทำให้การฟื้นตัวของ SET มีแนวโน้มที่ดีขึ้น

***สิ่งที่ต้องติดตามต่อไปและอาจส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นไทยในระยะกลางถึงยาวมี 3 ประเด็นหลักคือ

1.แนวทางกองทุนที่มุ่งเน้นสิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับการลงทุนในหุ้นไทย หากมีการขยายเพดานลดหย่อนภาษีของ THAIESG จาก 300,000 บาท เป็น 500,000 บาท เท่ากับ LTF เดิม จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นในตลาดมากขึ้น ประเด็น

2. แนวทางให้กองทุนมีการลงทุนในหุ้นไทย 100% ซึ่งจะช่วยรักษาสภาพคล่องให้อยู่ภายในประเทศ

3.การขยายขอบเขตของหุ้น ESG ให้กว้างขึ้นเพื่อเพิ่มโอกาสการลงทุน

***กูรูหุ้นชี้ว่าได้ประเมินว่าตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยเผชิญปัจจัยกดดันจากการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และการขาดแคลนเงินทุนระยะยาวจากการที่ LTF หมดสิทธิประโยชน์ในปี 2562 ซึ่งทำให้ SET เริ่มอยู่ในช่วง Underperform อย่างไรก็ตาม หากมีความชัดเจนเกี่ยวกับแนวทางของภาครัฐที่มุ่งเน้นการลงทุนระยะกลางถึงยาวในประเทศ จะช่วยให้ตลาดหุ้นไทยค่อย ๆ ฟื้นตัวขึ้น แนวโน้มสภาพคล่องในประเทศกำลังได้รับการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจึงยังคงมุมมองเชิงบวกต่อการสะสมหุ้น เนื่องจาก SET ยังอยู่ใน Deep Value Zone โดยมีค่าPER ปี 2568 อยู่ที่ 13.5 เท่าและหากไม่นับรวมหุ้น DELTA ค่า PER จะต่ำเพียง 11.5 เท่า

***ส่วนกลยุทธ์การลงทุน มีคำแนะนำจากกูรูว่า “แนะนำ” 7 หุ้น Deep Value(Z-Score สะท้อน Value : PER, PBV, Invert Dividend Yield) พร้อมมีโมเดลธุรกิจแข็งแกร่งและทนทานต่อปัจจัยภายนอก ได้แก่ CPALL, BDMS, MINT,BH, GPSC, SCGP และ HMPRO พร้อมกันนี้ยังแนะน าอีก 5 บริษัท ที่เข้าเงื่อนไข PER < 12X, PBV <1X และDividend Yield > 3% ในกลุ่มธนาคาร KBANK, KTB, BBL ผสาน อสังหาริมทรัพย์ ที่เริ่มมีปัจจัยหนุนเชิงบวกเช่น AP และ SIRI