จับประเด็นหุ้นเด่น

รายงานพิเศษ : MENA ธุรกิจรถมิกเซอร์โตแกร่ง ลุยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้รถ หนุนรายได้ปี 68 เติบโตได้กว่า 10%


24 กุมภาพันธ์ 2568

บมจ.มีนาทรานสปอร์ต (MENA) จับสัญญาณรัฐบาลกระตุ้นการลงทุนเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ ลุยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้รถ Q/Car แตะ 920 จากปัจจุบันอยู่ที่ 800 หนุนสร้างการเติบโตของรายได้อย่างยั่งยืน      

MENA ธุรกิจรถมิกเซอร์โตแกร่ง_รายงานพิเศษ S2T (เ.jpg

บล.ทิสโก้ คาดการณ์กำไรสุทธิ ของบมจ.มีนาทรานสปอร์ต  (MENA)  ไตรมาส 4/67 จะอยู่ที่ 22 ล้านบาท เติบโต 19% จากปีก่อนจากการเพิ่ม Utilization rate ของทั้งธุรกิจ Trailer และ Mixer รวมถึงการปรับราคาตามราคาน้ำมันดีเซลที่เพิ่มขึ้น ส่วน GPM คาดทรงตัวอยู่ที่ 16.6% ลดลงเล็กน้อยจาก 16.8% ในไตรมาส 4/66 เพราะสัดส่วนรายได้ของ Trailer เพิ่มขึ้น 

ขณะที่ส่วนแบ่งกำไรจาก TDM คาดยังแข็งแกร่งที่ 9 ล้านบาท เติบโต 40% จากปีก่อน ตามปริมาณงานที่เพิ่มขึ้นจากการขยายสาขาของกลุ่ม CJ และการให้บริการ TD เพิ่มมากขึ้น ส่วน SG&A to sales  คาดลดลงเหลือ 8.6% จาก 9.2% ในไตรมาส 3/66 ทำให้ OPM เพิ่มขึ้น 40bps จากปีก่อน เป็น 8.0% 

ยังคงประมาณการปี 68 ไว้ที่ 81 ล้านบาท เติบโต 24% จากปีก่อน จากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐและการเติบโตของ TDM ที่ยังมีแนวโน้มดีต่อเนื่องจากการขยายสาขาของกลุ่ม CJ และแผนการเพิ่มสัดส่วน Own Fleet เป็น 60-70% จากเดิม 30-35% ซึ่งจะช่วยให้อัตรากำไรเพิ่มขึ้น 

โดยเราคาดหวังปริมาณการใช้คอนกรีทผสมเสร็จจะฟื้นตัวขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2/68 เป็นต้นไป ซึ่งน่าจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบริหาร Fleet และหนุนประสิทธิภาพการดำเนินงานผ่าน Q/Car ที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากในปีนี้ ยังไม่มีแผนการขยาย Fleet เพิ่มอีกทั้งยังมีรถที่จะทยอยตัดค่าเสื่อมหมดอีกราว 40 คัน

ทั้งนี้ บล.ทิสโก้ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมายปี 68 ที่ 1.66 บาท โดยใช้ P/E ที่ 15.0 เท่า ความเสี่ยงได้แก่ ราคาน้ำมันดีเซลปรับเพิ่มขึ้น, การขยายงานของ TDM ไม่เป็นไปตามแผน, ค่าซ่อมบำรุงที่สูงกว่าปกติและอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์หดตัว

ด้านประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “สุวรรณา ขจรวุฒิเดช”  เปิดเผยทิศทางธุรกิจและผลการดำเนินงานในปี 2568  คาดจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่องจากปี 2567 เนื่องจากธุรกิจโลจิสติกส์มีแนวโน้มเติบโตได้ดี โดยเฉพาะธุรกิจให้บริการรถมิกเซอร์ที่มีโอกาสเติบโตสูงจากอุตสาหกรรมก่อสร้างฟื้นตัวขานรับการขยายตัวของการลงทุนของภาครัฐและเอกชน  ซึ่งบริษัทฯ ตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ปี 2568 ไว้ไม่ต่ำกว่า 10% สร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้รถ (Utilization) จาก Fleet ที่มีอยู่  

ทั้งนี้ ปัจจุบัน Utilization ของรถ Mixer อยู่ที่ประมาณ 800 ลูกบาศก์เมตรต่อไตรมาสต่อคัน (Q per Car) ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทฯ เคยทำได้ถึง 920 Q per Car ต่อไตรมาส ดังนั้นหากการลงทุนของภาครัฐและเอกชนยังมีทิศทางเพิ่มขึ้นก็จะสามารถเพิ่ม Q per Car ได้ ซึ่งก็จะส่งผลให้รายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้น  

สำหรับแผนการดำเนินงานปี 2568 นอกเหนือจากการดำเนินธุรกิจให้เติบโตได้ตามแผนที่วางไว้แล้ว บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับ ESG เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน  อีกทั้งยังมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มประสิทธิภาพของบุคลากร และการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการบริหารงานเพิ่มขึ้น รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้รถขนส่งที่มีอยู่ เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) โดยเฉพาะรถ Mixer

นอกจากนี้ ยังมุ่งเน้นไปที่การลงทุนในธุรกิจพลังงานสะอาด เช่น รถ EV ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ร่วมกับคู่ค้า  

ส่วนทิศทางอุตสาหกรรมการก่อสร้างปี 2568  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MENA เชื่อว่าจะดีกว่าปีก่อน โดยเฉพาะการลงทุนของภาครัฐที่เริ่มส่งสัญญาณปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ไตรมาส  

ขณะเดียวกันบริษัท ทีดี เอ็ม ลอจิสติกส์ จำกัด (TDM) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนของ MENA มีแผนในการขยาย Fleet รถเป็นจำนวนมาก เพื่อรองรับการขยายสาขาของบริษัท ซี.เจ.เอ็กซ์เพรส กรุ๊ป จำกัด (CJ)