สินเชื่อแบงก์เดือนม.ค.ชะลอ เหตุธนาคารคุมเข้มยอดขอใหม่ โบรกฯคาดไตรมาส 1 กำไรยังทรงตัว
บริษัท หลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่าสินเชื่อเดือน ม.ค. 2025 ลดลง 0.6% จากเดือนก่อนหน้า ตามปัจจัยฤดูกาลและการคุมสินเชื่อปล่อยใหม่ จากรายงาน ธ.พ. 1.1. เดือน ม.ค. 68 โดยสรุปภาพของสินเชื่อธนาคารภายใต้ Coverage ได้ดังนี้ 1) สินเชื่อรวมปรับลดลง 0.6% จากเดือนก่อนหน้า และ 0.2% จากปีก่อน หลังธนาคารเพิ่มความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ ใหม่ และเป็นช่วงที่มียอดชำระคืนหนี้สูง
2) SCB เพิ่มขึ้น 0.3% จากเดือนก่อน แต่ลดลง 0.4% จากปีก่อน ซึ่งเป็นธนาคารเดียวที่สินเชื่อเติบโต หลักๆ เป็นเพราะบริษัทมีลูกหนี้ในกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่มากขึ้น
ขณะที่สินเชื่อเพื่อการบริโภคและ สินเชื่อ Gen 2 ต่างๆ ชะลอตัวตามภาพอุตสาหกรรม รองลงมาคือ BBL ทรงตัวจากเดือนก่อน แต่ลดลง 1.6% จากปีก่อน สินเชื่อรวมทรงตัวจากเดือนก่อน แม้จะมียอดชำระคืนหนี้จากกลุ่มลูกค้าบริษัทขนาดกลาง/เล็ก และลูกค้ารายย่อยเพิ่มเข้ามา แต่สินเชื่อบริษัทใหญ่ยังขยายตัวได้ดี
3) ธนาคารที่สินเชื่อลดลงแรงคือ KBANK ลดลง 1.9% จากเดือนก่อนหน้า แต่เพิ่มขึ้น 1.1% จากปีก่อน แต่เป็นเพียงการชำระคืนเงินของลูกหนี้บริษัทใหญ่เป็นหลัก และเป็นผลจากการเพิ่มความระมัดระวัง ในการขยายสินเชื่อตามเป้าหมายของบริษัทที่ตั้งเป้าให้สินเชื่อรวมทรงตัวจากปีก่อน
ถัดมาคือ TTB ลดลง 1.7% จากเดือนก่อน และลดลง 7.8% จากปีก่อน จากการปรับกลยุทธ์เน้นขยายสินเชื่อ High Yield เป็นหลัก เพื่อควบคุมคุณภาพ สินทรัพย์รวม และ 4) KKP ลดลง 1.3% จากเดือนก่อนหน้า และลดลง 9.1% จากปีก่อน และ TISCO ลดลง 0.3% จากเดือนก่อนหน้า และลดลง 0.6% จากปีก่อน ได้รับผลลบจากสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์มือหนึ่งที่ชะลอตัวตามยอดขายรถยนต์ในประเทศ
ขณะเดียวกันมีมุมมองเป็นกลางต่อรายงานสรุปสินเชื่อในครั้งนี้ โดยมองว่าส่วนหนึ่งเป็นผลจากปัจจัยฤดูกาล ที่ปกติ ธนาคารจะมีลูกหนี้เข้ามาชำระคืนหนี้มากกว่าปกติในช่วงต้นปี ทำให้การขยายสินเชื่อทำได้จำกัด โดยเฉพาะ ในกลุ่มสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล
รวมถึงสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ที่ชะลอลงหลังจบงาน Motor Show ไปแล้วในเดือน ธ.ค. ขณะที่แนวโน้มดอกเบี้ยที่มีโอกาสปรับลงในไตรมาส 1/65 จะเป็นปัจจัยกดดันรายได้ ดอกเบี้ยรับของกลุ่มให้ปรับลงจากไตรมาสก่อน และจากปีก่อน
ทั้งนี้เบื้องต้นเราคาดทิศทางกำไรสุทธิในไตรมาส 1/68 จะทรงตัวจากปีก่อน แต่เร่งตัวขึ้นจากไตรมาสก่อน หลังค่าใช้จ่ายตั้งสำรองผ่อนคลายลง และมีค่าใช้จ่ายสำหรับปรับปรุงระบบการ ดำเนินงานน้อยลงจากไตรมาส 4/67 ส่วนรายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิคาดปรับลดลง แต่บางส่วนจะถูกชดเชยด้วย ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่ลดลงเช่นกัน จากผลของการทยอยลดเงินฝากดอกเบี้ยสูง ให้สอดคล้องกับการปล่อย สินเชื่อที่ชะลอตัวลง หนุนให้ทั้งปี 68 เราคาดกeไรสุทธิของกลุ่มธนาคารจะอยู่ที่ 220,954 ล้านบาท โต 3% จากปีก่อน
ขณะเดียวกันมองว่าปีนี้เป็นปีที่การเติบโตของกำไรกลุ่มธนาคารจะค่อนข้างจำกัด แต่ยังมีจุดเด่นที่การจ่ายปันผลใน ระดับที่น่าสนใจ และคุณภาพสินทรัพย์ที่เริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น เราจึงคงน้ำหนักลงทุน “เท่ากับตลาด” โดยลดคำแนะนำสำหรับ SCB(TP@130) และ KTB(TP@25) ลงจาก “ซื้อ” เป็น “TRADING” หลังราคาหุ้นปรับขึ้นจนมี Upside จำกัดเทียบกับมูลค่าพื้นฐานปี 68
ส่วน Top Pick ยังชอบ KBANK(TP@175) เพราะคาดคุณภาพสินทรัพย์มีพัฒนาการที่ดีขึ้น และราคาหุ้นยังไม่แพง คาดปันผลสำหรับครึ่งหลังปี 67 หุ้นละ 5.9 บาท คิดเป็น Div. Yield 3.8% และคาดปันผลปี 68 หุ้นละ 7.5 บาท คิดเป็น Div. Yield 4.7%