ดักเก็บ 8 หุ้นเด่น ลุ้น “แบงก์ชาติ” หั่นดอกเบี้ย

แม้ว่าท่าทีของธนาคารกลางแห่งประเทศไทย(ธปท.) จะยังเน้นย้ำจุดยืนการรักษานโยบายอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 2.25% แต่ในรอบการประชุมวันที่ 26 ก.พ. 68 ที่จะถึงนี้ ก็มีแรงกดดันจากหลากหลายภาคมาสนับสนุนให้เกิดการปรับลดดอกเบี้ยลง เพื่อกับมือกับสถานการณ์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

โดยล่าสุด พิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ก็ได้ออกมาสนับสนุนถึงการลดนโยบายอัตราดอกเบี้ยเช่นกัน เพื่อเพิ่มความร้อนแรงให้กับเศรษฐกิจ สำหรับนักลงทุนที่มองหาโอกาสลงทุนกับประเด็นดังกล่าว ทางเราจึงได้หยิบยกมุมมองการลงทุนที่น่าสนใจมาแบ่งปันกัน

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) ให้มุมมองว่า ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาอ่อนแอเมื่อคืนวันศุกร์ ไม่ว่าจะเป็น S&P Flash PMI ภาคบริการเดือนก.พ. อยู่ที่ 49.7 ต่ำกว่าตลาดคาดที่ 53 และเป็นการหดตัวครั้งแรกในรอบ 2 ปี และ Existing Home Sale เดือนม.ค. ลดลง 4.9% เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัว 2.9%

โดยส่งผลให้บอนด์ยีลด์ 10 ปีสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 4.43% และ บอนด์ยีล์ 10 ปีไทยลดลงสู่ระดับ 2.28% ขณะที่ IMF แนะนำให้ธปท. พิจารณาปรับลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมจากภาวะหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้น โดยคาดว่าจีดีพีไทยปีนี้จะโต 2.9% แต่มียังมีความเสี่ยงด้านความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าโลก ความผันผวนของ Commodity และภาระหนี้ของภาคเอกชนสูง

ดังนั้น จึงมองเป็น “บวก” ต่อกลุ่ม Rate Sensitive play อย่าง DIF 3BBIF CPNREIT MC SAWAD MTC TIDLOR KKP และลุ้นธปท. ลดดอกเบี้ยวันที่ 26 ก.พ. นี้

สำหรับปัจจัยพื้นฐาน DIF นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 11.50 บาท เนื่องจากรายได้ของกองมีเสถียรภาพจากสัญญาระยะยาวถึงปี 2576 ขณะที่มีโอกาสขยายอายุสัญญาอีก 10 ปีจากปี 2576 (เงื่อนไขรายได้บรอดแบนด์กลุ่ม TRUE เกิน 16,500 ล้านบาท) และมีโอกาสสร้างรายได้เพิ่มจากการลงทุนในทรัพย์สินประเภทเสาโทรคมนาคมของกลุ่ม TRUE

3BBIF นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) แนะนํา "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 7 บาท  เนื่องจากยังคงให้อัตราผลตอบแทนปันผลที่สูงถึง 12% ต่อปีในช่วงปี 2568-2570 และ IRR ที่ 11% สําหรับการถือหน่วย 14 ปี จนสัญญาเช่าทั้งหมดสิ้นสุดในปี 2581 และผลตอบแทนที่สูงนี้มาพร้อมความเสี่ยงที่ตํ่าจากการมี ADVANC เป็นผู้เช่าสินทรัพย์

CPNREIT นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) แนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมาย 12.50 บาท เนื่องจากเงินปันผลต่อหน่วย (DPU) เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 1.07 บาทในปี 2568 สนับสนุนจากผลการดำเนินงานดีขึ้น ตามอัตราการเช่าที่สูงขึ้นและการปรับขึ้นค่าเช่า) ที่เซ็นทรัลปิ่นเกล้าในครึ่งปีหลังปี 67

MC นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 13 บาท เนื่องจากมีสถานะเงินสดสุทธิมูลค่า 1.8 พันล้านบาท ทำให้พร้อมทำดีล M&A ใหม่ๆ บริษัทมีประวัติการจ่ายผลตอบแทนเงินปันผลที่สูงกว่า 5% อย่างสม่ำเสมอตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ด้วยแนวโน้มผลประกอบการที่แข็งแกร่งต่อเนื่อง ปัจจุบันให้ผลตอบแทนเงินปันผลที่น่าสนใจ 8%-9% สำหรับปี 2568-2569

SAWAD นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 50 บาท เนื่องจากป็นหุ้นไฟแนนซ์ที่มีพัฒนาการดีขึ้นหลังปัจจัยกดดันต่างๆคลี่คลายลง ประกอบกับได้แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐฯ รวมถึงการปรับลดดอกเบี้ยของกนง. ที่คาดจะเกิดขึ้นภายในครึ่งปีแรกปี 68 ทำให้แนวโน้มการ Rollover หุ้นกู้ของ SAWAD ในปี 2568 จะมีอัตราดอกเบี้ยจ่ายที่ต่ำลง และ NIM กลับมาขยายตัว

MTC นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 60 บาท เนื่องจากคุณภาพสินทรัพย์อยู่ในระดับที่ดีขึ้น และกำไรสุทธิปี 68 และ 69 จะเติบโต 15%-14% แรงหนุนจากการเติบโตของสินเชื่อ credit cost ที่ลดลงและการควบคุมต้นทุนที่ดี อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้มีแนวโน้มลดลงจากประสิทธิภาพสาขาที่เพิ่มขึ้นและยอดสินเชื่อต่อสาขาที่สูงขึ้น

TIDLOR นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 22 บาท เนื่องจาก เป็นหนึ่งในหุ้นไฟแนนซ์ที่น่าสนใจ ปีนี้คาดจะได้รับอานิสงค์บวกจากมาตรการรัฐฯ ประกอบกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่คาดจะเริ่มปรับลง ช่วยให้ทิศทางต้นทุนทางการเงินปรับตัวลง ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันยังมีอัพไซด์ 

KKP นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) แนะนํา "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 65 บาท จากการปรับเพิ่มประมาณการกําไรสะท้อนค่าใช้จ่ายที่ลดลง และNIM ที่สูงขึ้น ด้วยอัตราการจ่ายปันผลที่สูงขึ้น รวมถึงการเติบโตของกําไรที่พลิกกลับมาดีขึ้น ให้อัตราผลตอบแทนปันผลที่สูงขึ้น และมูลค่าน่าสนใจ จึงเป็นธนาคารขนาดเล็กที่ชอบที่สุด