กระดานข่าว
GCAP GOLD มองทองคำปี 68 ระยะยาวยังเป็นขาขี้น อาจทำ New High ทะลุ $3,000 แนะควรระวังการปรับฐานหลังราคาพุ่งต่อเนื่อง 2 ปี
26 กุมภาพันธ์ 2568
นายชัยวัฒน์ สามัคคีนิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จีแคป จำกัด หรือ GCAP GOLD ผู้นำด้านทองคำรายใหญ่ของไทย ทีมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการนำเข้าส่งออกทองคำแท่งของไทยกว่า 80 ปี เปิดเผยถึงภาพรวมการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในปี 2568 ว่า แนวโน้มทิศทางราคาทองคำในตลาดโลกรวมถึงราคาทองในประเทศไทย ในปีนี้ยังมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะมีโอกาสปรับตัวขึ้นไปทำ New High ที่ระดับสูงสุดใหม่ ที่ระดับ $3,000-$3,150

โดยมีปัจจัยหนุนที่สำคัญจากการกลับมาดำเนินนโยบายของทรัมป์ ที่เน้นสงครามการค้าและมาตรการกำแพงภาษี ทำให้มองได้ว่าจะเกิดผลกระทบต่อตลาดทองคำต่อจากนี้ คือในช่วงระยะแรก จะส่งผลต่อความวิตกกังวลของนักลงทุนในตลาด ซึ่งในช่วงระยะนี้จะทำให้ราคาทองคำจะดีดตัวขึ้น โดยภาวะดังกล่าวเป็นสิ่งที่ตลาดกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้
นอกจากนี้ GCAP GOLD ยังคงแนะนำให้นักลงทุนติดตามนโยบายหรือรอดูผลกระทบที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในไตรมาสที่สอง ทั้งนี้ ความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นยังเป็นปัจจัยสนับสนุนราคาทองคำ
- ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่อาจไม่จบลงง่าย ๆ และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะตะวันออกกลางหลังจากที่ทรัมป์ประกาศนโยบายเข้าไปบริหารฉนวนกาซา ท่ามกลางการคัดค้านจากบรรดาชาติอาหรับ ส่วนฝั่งทะเลจีนใต้ก็ยังเป็นความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่หนุนทองคำมาโดยตลอด นอกจากนี้ ยังมีจุด Hotspot อื่นๆ ที่คาดไม่ถึง ซึ่งรอเวลาและโอกาสในการปะทุอยู่ ดังนั้นความเสี่ยงดังกล่าวยังคงเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำ
- ความต้องการทองคำของธนาคารกลางทั่วโลกยังมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ในปี 2567 ธนาคารกลางทั่วโลกซื้อทองคำรวม 1,045 เมตริกตัน ความไม่แน่นอนทั้งทางภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจในปี 2568 ยังคงอยู่ในระดับสูง ดังนั้นธนาคารกลางต่างๆ ยังมีแนวโน้มที่จะซื้อทองคำและใช้เป็นสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์ต่อไป
- ช่วงครึ่งปีแรก ค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่า จากภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ยังเปราะบาง ประกอบกับตลาดหุ้นที่ปรับลดประมาณการผลประกอบการ และภาคการท่องเที่ยวยังไม่ฟื้นตัวมากนัก ส่งผลให้ค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าลง โดยแนวโน้มการอ่อนค่าอาจจะไปได้ถึง 37-38 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่แนวรับของเงินบาทคาดว่าจะไม่แข็งค่าหลุดระดับ 32.50 บาทต่อดอลลาร์
จากปัจจัยข้างต้น GCAP GOLD มองว่า ช่วงไตรมาสแรก เป็นช่วงวัดใจของราคาทอง ว่าจะขึ้นแตะระดับ $3,000 ได้ทันทีก่อนเข้าสู่รอบปรับฐานหรือไม่ ซึ่งราคาที่ระดับดังกล่าวประเมินเป็นราคาทองคำไทย เบื้องต้นที่ 48,000-49,000 บาท และหากค่าเงินบาทอ่อนค่าลง จะยิ่งส่งผลให้ราคาทองคำในประเทศปรับตัวสูงขึ้นได้อีก
อย่างไรก็ตาม สำหรับนักลงทุนที่ต้องการเข้าซื้อทองคำ ทาง GCAP GOLD แนะนำให้รอจังหวะย่อเพื่อปรับฐาน เนื่องจากทุกครั้งที่ราคาปรับขึ้นแรงมักมีการพักตัวตามมา โดยมองแนวรับหลักอยู่ที่ $2,730 / $2,550 ส่วนราคาทองคำแท่งไทยอาจเห็นการปรับฐานที่ระดับราคา 44,500-42,500 บาท

โดยมีปัจจัยหนุนที่สำคัญจากการกลับมาดำเนินนโยบายของทรัมป์ ที่เน้นสงครามการค้าและมาตรการกำแพงภาษี ทำให้มองได้ว่าจะเกิดผลกระทบต่อตลาดทองคำต่อจากนี้ คือในช่วงระยะแรก จะส่งผลต่อความวิตกกังวลของนักลงทุนในตลาด ซึ่งในช่วงระยะนี้จะทำให้ราคาทองคำจะดีดตัวขึ้น โดยภาวะดังกล่าวเป็นสิ่งที่ตลาดกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้
นอกจากนี้ GCAP GOLD ยังคงแนะนำให้นักลงทุนติดตามนโยบายหรือรอดูผลกระทบที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในไตรมาสที่สอง ทั้งนี้ ความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นยังเป็นปัจจัยสนับสนุนราคาทองคำ
- ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่อาจไม่จบลงง่าย ๆ และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะตะวันออกกลางหลังจากที่ทรัมป์ประกาศนโยบายเข้าไปบริหารฉนวนกาซา ท่ามกลางการคัดค้านจากบรรดาชาติอาหรับ ส่วนฝั่งทะเลจีนใต้ก็ยังเป็นความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่หนุนทองคำมาโดยตลอด นอกจากนี้ ยังมีจุด Hotspot อื่นๆ ที่คาดไม่ถึง ซึ่งรอเวลาและโอกาสในการปะทุอยู่ ดังนั้นความเสี่ยงดังกล่าวยังคงเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำ
- ความต้องการทองคำของธนาคารกลางทั่วโลกยังมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ในปี 2567 ธนาคารกลางทั่วโลกซื้อทองคำรวม 1,045 เมตริกตัน ความไม่แน่นอนทั้งทางภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจในปี 2568 ยังคงอยู่ในระดับสูง ดังนั้นธนาคารกลางต่างๆ ยังมีแนวโน้มที่จะซื้อทองคำและใช้เป็นสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์ต่อไป
- ช่วงครึ่งปีแรก ค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่า จากภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ยังเปราะบาง ประกอบกับตลาดหุ้นที่ปรับลดประมาณการผลประกอบการ และภาคการท่องเที่ยวยังไม่ฟื้นตัวมากนัก ส่งผลให้ค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าลง โดยแนวโน้มการอ่อนค่าอาจจะไปได้ถึง 37-38 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่แนวรับของเงินบาทคาดว่าจะไม่แข็งค่าหลุดระดับ 32.50 บาทต่อดอลลาร์
จากปัจจัยข้างต้น GCAP GOLD มองว่า ช่วงไตรมาสแรก เป็นช่วงวัดใจของราคาทอง ว่าจะขึ้นแตะระดับ $3,000 ได้ทันทีก่อนเข้าสู่รอบปรับฐานหรือไม่ ซึ่งราคาที่ระดับดังกล่าวประเมินเป็นราคาทองคำไทย เบื้องต้นที่ 48,000-49,000 บาท และหากค่าเงินบาทอ่อนค่าลง จะยิ่งส่งผลให้ราคาทองคำในประเทศปรับตัวสูงขึ้นได้อีก
อย่างไรก็ตาม สำหรับนักลงทุนที่ต้องการเข้าซื้อทองคำ ทาง GCAP GOLD แนะนำให้รอจังหวะย่อเพื่อปรับฐาน เนื่องจากทุกครั้งที่ราคาปรับขึ้นแรงมักมีการพักตัวตามมา โดยมองแนวรับหลักอยู่ที่ $2,730 / $2,550 ส่วนราคาทองคำแท่งไทยอาจเห็นการปรับฐานที่ระดับราคา 44,500-42,500 บาท
ยอดนิยม
_%E0%B8%84%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B9%89%20S2T.jpg)
ค่าเงินบาทวันนี้ 19 มี.ค. 2568

อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย พร้อมจัด 15 งานใหญ่ ตั้งเป้ารายได้ 1,600 ล้านบาท ขึ้นเบอร์หนึ่งผู้จัดงานแสดงสินค้าในอาเซียน

ก.ล.ต.ไฟเขียว นับหนึ่งไฟลิ่ง “เอ็มเอ็มเอ็ม แคปปิตอล (MMM)” จ่อขาย PO 64.20 ล้านหุ้น ประกาศนำร่องเป็นบริษัทแรกใน LiVEx ที่ก้าวสู่ตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ

ทีทีบี สนับสนุนสินเชื่อธุรกิจและโซลูชันทางการเงินให้กับ บริษัท เควีเอส เฟรชโปรดักส์ รองรับแผนขยายธุรกิจ ทั้งในและต่างประเทศ
