Smart Investment

จับตา! 3 มาตรการดูแลตลาดหุ้น หวังฟื้นความเชื่อมั่น จะเอาอยู่หรือไม่? หลังโรบอทเทรด-ชอร์ตเซลยังเหิมเกริม!


02 มีนาคม 2568

Mr.Data

ปรากฏการณ์โรบอทเทรดถล่มขายหุ้นบิ๊กแคป ผสมโรงการทำชอร์ตเซล กดดันตลาดหุ้นไทยดิ่งหนัก ลงไปทดสอบจุดต่ำสุดในรอบ 4 ปี ที่ 1,192.43 จุด (28 ก.พ.68) 

จับตา! 3 มาตรการดูแลตลาดหุ้น_S2T (เว็บ) copy.jpg

…การดำดิ่งลงของตลาดหุ้นไทยและแรงขายของนักลงทุนต่างชาติ รวมถึงนักลงทุนที่ยอม Cut loss กองทุน LTF ที่ครบกำหนดในปีนี้ออกมา เป็นการสะท้อนให้เห็นว่า นักลงทุนขาดความเชื่อมั่นและศรัทธาการลงทุนตลาดหุ้นไทย

แม้คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้มีการจัดประชุมไปเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2568 

และมีมติเห็นชอบแนวทางปรับปรุงมาตรการ เพื่อยกระดับความเชื่อมั่นที่ได้เริ่มใช้บังคับในช่วงปี 2567 โดยได้พิจารณาแนวทางและมาตรการอย่างรอบด้าน เพื่อให้เกิดความเหมาะสมของการใช้มาตรการตามสถานการณ์ มุ่งหวังที่จะเพิ่มความเชื่อมั่นผู้ลงทุน และสร้างเสถียรภาพตลาดหุ้นไทย 

โดยหลังจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเปิดรับฟังความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้อง ก่อนเสนอคณะกรรมการ ก.ล.ต. เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ ซึ่งคาดว่าจะใช้บังคับได้ประมาณปลายไตรมาส 2/68 

สำหรับการปรับปรุงในครั้งนี้ สามารถสรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้

 (1) การกำกับดูแลการขายชอร์ต

ปรับปรุงคุณสมบัติของหลักทรัพย์ที่สามารถขายชอร์ตได้ ให้เป็นหลักทรัพย์เฉพาะในกลุ่ม SET100 จากเดิมที่กำหนดให้เป็นหลักทรัพย์ในกลุ่ม SET100 และ non-SET100 ที่มีขนาดใหญ่และมีสภาพคล่องสูง (คือ มี Market Capitalization เฉลี่ย 3 เดือน ไม่น้อยกว่า 7,500 ล้านบาท และมี Monthly Turnover ในรอบ 12 เดือน ไม่น้อยกว่า 2% รวมทั้งมีการกระจาย Free Float ไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ของทุนชำระแล้ว)

กำหนดให้ใช้เกณฑ์ Uptick เมื่อจำเป็นคือ กรณีปกติสามารถใช้เกณฑ์ Zero-Plus Tick สำหรับการขายชอร์ตได้ เว้นแต่เมื่อหลักทรัพย์ใดมีราคาลดลงถึงระดับที่กำหนด (เช่น ≥X% จากราคาปิดของวันก่อนหน้า) จึงจะต้องขายชอร์ตหลักทรัพย์นั้นด้วยเกณฑ์ Uptick ในวันทำการถัดไป

(2) การกำกับดูแล HFT

กำหนดให้ผู้ลงทุนที่ขึ้นทะเบียนส่งคำสั่งซื้อขายแบบ High Frequency Trading (HFT) สามารถส่งคำสั่งซื้อขายได้เฉพาะหลักทรัพย์ในกลุ่ม SET100 ทั้งนี้ไม่รวม Market Maker และหลักทรัพย์บางประเภท

(3) การผ่อนคลายมาตรการที่ได้ประกาศใช้เมื่อปี 2567

ยกเลิกเกณฑ์กำหนดเวลาขั้นต่ำของคำสั่งซื้อขาย (order) ก่อนที่จะสามารถยกเลิกคำสั่ง (Minimum Resting Time) เลื่อนการบังคับใช้เกณฑ์การกำหนดกรอบราคาซื้อขายแบบ Dynamic Price Band เป็นรายหลักทรัพย์ Phase 2 ออกไป

ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความมั่นใจในเชิงนโยบาย ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะคงมาตรการต่าง ๆ ที่มีอยู่เดิม และที่จะมีการปรับปรุงในครั้งนี้ให้มีการใช้อย่างต่อเนื่อง โดยจะทบทวนอีกครั้งในปี 2569  

...หมายความว่า ในไตรมาส 2 ของปีนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯเตรียมยกเลิกเกณฑ์ Uptick จะใช้เท่าที่จำเป็นเท่านั้น และกลับมาใช้ เกณฑ์ Zero-Plus Tick สำหรับการขายชอร์ตได้ ส่วนเรื่องของ โรบอทเทรด สามารถส่งคำสั่งซื้อขายได้เฉพาะหลักทรัพย์ในกลุ่ม SET100

นักลงทุนรายใหญ่ให้มุมมองกับ Mr.Data ว่า การแก้ปัญหาของตลาดหลักทรัพย์ฯ ก.ล.ต. และกระทรวงการคลัง เหมือนกำลังเดินหลงทาง เพราะปัญหาหลักของตลาดหุ้นไทยคือ ความเชื่อมั่น ความศรัทธา ในเรื่องของธรรมาภิบาล ความได้เปรียบของโรบอทเทรด ปัญหาการชอร์ตเซล ทำให้ตลาดหุ้นไทยหลุด 1,200 จุด 

“ทำไมไม่คิดยกเลิกชอร์ตเซลชั่วคราว เหมือนที่จีนหรือเกาหลีใต้ทำ เพื่อลดแรงขายชอร์ต หรือการเข้าไปตรวจจับการทำ naked short-selling ซึ่งเป็นธุรกรรมที่ผิดกฎหมาย เหมือนอย่างที่เกาหลีใต้เขาทำ และหาจังหวะในการออกไปโรดโชว์ต่างประเทศ เพื่อดึงเงินต่างชาติเข้ามาลงทุน ลำพังจะหวังเงินจากนักลงทุนสถาบันในประเทศ รายย่อย คงไม่เพียงพอ”

ขณะเดียวกันยังตั้งคำถามตลาดหลักทรัพย์ฯ และก.ล.ต.ว่า ไม่แปลกใจเลยหรือที่หุ้นมาร์เก็ตแคป ขนาดใหญ่ พื้นฐานดี กำไรดี แต่โดนโรบอทเทรด ทุบซะน่วม รุมซ้ำด้วยชอร์ตเซล สะท้อนถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับตลาด ถ้ายังปล่อยให้เป็นไปอย่างนี้ คงไม่มีใครกล้าที่จะลงทุน เพราะแรงเทขาย ไม่เกี่ยวกับปัจจัยพื้นฐาน ทั้งๆที่หุ้นหลายตัวผลประกอบการดี มีปันผล 

ขณะที่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มองว่า ตลาดหุ้นไทยเคยแตะจุดต่ำสุดที่ 1,200 จุด ก่อนกลับมาที่ 1,400 จุด เป็นหลักฐานว่าความเชื่อมั่นมีผลต่อตลาด ซึ่งรัฐบาลได้ดำเนินมาตรการต่างๆ เกือบครบแล้ว รวมทั้งจัดการกับการขายชอร์ต อย่างต่อเนื่อง และอยู่ระหว่างคัดเลือกผลิตภัณฑารลงทุนที่มีศักยภาพ เพื่อสนับสนุนตลาดหุ้นไทย

นอกจากนี้ ยังเตรียมตั้งกองทุน Thai ESG2 รองรับการโยกเงินจากกองทุน LTF ที่กำหนด เพื่อสร้างเสถียรภาพตลาดทุนไทย

...ตัดมาที่ภาพของการลงทุนสัปดาห์ต่อมาหลังบอร์ดตลาดหลักทรัพย์ฯแถลงมาตรการสร้างความเชื่อมั่นการลงทุนตลาดหุ้นไทย

ภาพที่ออกมาย้อนแย้งหลังจากมีกระแสยกเลิกเกณฑ์ Uptick หุ้นใน SET100 โดยจะใช้เท่าที่จำเป็นเท่านั้น

จากข้อมูลของ นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส พบว่า ตั้งแต่วันที่ 20 –25 ก.พ. 68 เป็นต้นมา กดดันให้หุ้นใหญ่ลงหนัก สะท้อนได้จาก SET50 ลดลง 5.0%, SET100 ลดลง 4.9% ลงเยอะกว่าดัชนีหุ้นเล็ก mai ลดลง 3.9% และ sSET ลดลง 3.2%

ยังเห็นแรงขายจาก Program Trading ที่มีสัดส่วนมูลค่าซื้อขายครอบคลุมเกือบครึ่งหนึ่งของตลาด ถล่มขายสุทธิลงมากว่า 9.8 พันล้านบาท ในช่วง 4 วันทำการที่ผ่านมา (20 –25 ก.พ. 68) กดดันให้มียอดขายสุทธิสะสม 1.25 หมื่นล้านบาท (จากต้นปีถึงปัจจุบัน) 

หุ้นใหญ่ที่ลงหนักและมีมูลค่าซื้อขายจาก Program Trading หนาแน่นในช่วงท้ายเดือน ก.พ. อาทิ PTTEP,WHA, SPA, VGI, BCPG, TRUE, GULF, SCGP, INTUCH 

นอกจากนี้ ยังมีการ Short Sale ในหุ้นตัวใหญ่หนักกว่าปกติ โดยจากรวบรวมข้อมูลช่วง 20 – 25 ก.พ. 68 มีหุ้นในSET100 ถูก Short Sale บางวันเกิน 10% ของมูลค่าซื้อขาย ถึง 27 บริษัท อาทิ BEM, IRPC, HMPRO, OR, CRC,SCC, PTT, CBG, SAWAD, PTTGC

“ตลาดหุ้นไทยลงเร็วลงแรง โดยเฉพาะหุ้นใหญ่ ส่วนหนึ่งถูกสมทบจากแรงขายสุทธิผ่าน Program Tradingพร้อมกับการ Short Sale รายตัวหนักๆ ในบางวัน” 

อย่างไรก็ตาม SET Index ปรับตัวลงมาจน RSI (14) น้อยกว่า 35 เข้าใกล้เขต Oversold ทุกระยะ 1 วัน,1 สัปดาห์ และ 1 เดือน น่าจะมีโอกาสรีบาวน์ขึ้นมาได้บ้าง 

อีกทั้งยังมีหุ้นใน SET100 ถึง 17 บริษัท ที่ RSI (14) น้อยกว่า 35 หรือเข้าใกล้เขต Oversold ทุกระยะ 1 วัน,1 สัปดาห์ และ 1 เดือน อย่าง AOT, PTTEP, SCC, BEM, PTTGC, SCGP,EGCO, BANPU, GLOBAL, OSP, BGRIM, CK, IRPC, JMT, GUNKUL, JMART, SJWD น่าจะมีโอกาสรีบาวน์ขึ้นมาสั้นๆ ได้เช่นกัน

แม้การประชุมกนง.ในวันที่ 26 ก.พ.ที่ผ่านมา จะสร้างเซอร์ไพรส์ ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เหลือ 2% หนุนตลาดหุ้นไทยปิดบวก 24.75 จุด อยู่ที่ 1,231.14 จุด ซึ่งเป็นการเด้งขึ้นชั่วคราว หลังจากตั้งแต่ต้นปีลงหนักมาก จากแถว 1,400 จุด หรือปรับตัวลดลงมากว่า 11%

ดูเหมือนว่ามาตรการฟื้นความเชื่อมั่นของตลาดหลักทรัพย์ฯ น่าจะเกาไม่ถูกที่คัน จึงไม่สามารถหยุดภาวะเลือดไหลของตลาดหุ้นไทยได้ในขณะนี้ 

ส่วนกระแสเรียกร้องยกเลิกชอร์ตเซลชั่วคราว เพื่อประคับประคองจากอาการโคม่า เช่นเดียวกับที่จีนและเกาหลีใต้ งัดมาใช้เพื่อสร้างเสถียรภาพตลาดหุ้น 

ก็แค่เสียงเบาๆ ที่มากับสายลม…เพราะตลาดหลักทรัพย์ฯ ก.ล.ต. คลัง มองทุกอย่างเป็นเรื่องปกติ

จับตา! 3 มาตรการดูแลตลาดหุ้น_S2T (เพจ) copy.jpg