Gossip Station by..เจ๊จิ๋ม 03-03-25(เห็นงบ EA ไม่ต้องตกใจ!! )
Gossip Station by..เจ๊จิ๋ม 03-03-25(เห็นงบ EA ไม่ต้องตกใจ!! )
03-03-25 สวัสดีปีใหม่ 2568 “ปีงูไฟ" ค่ะพี่น้องชาวไทยที่รัก "เจ๊จิ๋ม" มารายงานตัว ณ ที่เก่าเวลาเดิม www.share2trade.com เปิดอ่านได้เลยมีเรื่องเด็ดๆ โดนๆ มาเม้าท์กันให้สนั่นวงการลงทุนของพวกเรากันเถอะ
***เจ๊จิ๋มกลับมาแล้ว..รายงานตัวที่เก่าเวลาเดิม เพิ่มเติมคือคิดถึงแฟนๆ อย่างยิ่ง.. มาพร้อมกับความสดชื่นทางกายและสบายใจ ณ จุดนั้น..แต่พอเข้าเขตประเทศไทยปุ๊บ!!! หัวใจห่อเหี่ยว เพราะหันไปดูตลาดหุ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมาป่วนหนักมากกกกกกๆๆๆๆๆ SET INDEX แกว่งขึ้น-แกว่งลง เป็นรถไฟเหาะเลยล่ะ..หัวใจตกไปอยู่ตาตุ่มโน่น!!!
***ศุกร์ที่ผ่านมาดาวโจนส์ปิดที่ 43,840.91 จุด เพิ่มขึ้น 601.41 จุด หรือ +1.39%, ดัชนี S&P 500ปิดที่ 5,954.50 จุด เพิ่มขึ้น 92.93 จุด หรือ +1.59% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 18,847.28 จุด เพิ่มขึ้น 302.86 จุด หรือ +1.63%
***รายงานข่าวระบุว่าดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันศุกร์ (28 ก.พ.) หลังการซื้อขายที่ผันผวน โดยหุ้นเทคโนโลยีปรับตัวขึ้น แม้การประชุมระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ และประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกีของยูเครน ประสบความล้มเหลวก็ตาม ทั้งนี้ “เซเลนสกีและทรัมป์” ปะทะคารมกันอย่างดุเดือดในการสนทนาที่ทำเนียบขาวต่อหน้าสื่อทั่วโลก ทำให้เกิดความไม่แน่นอนครั้งใหม่เกี่ยวกับสถานการณ์สงครามยูเครน-รัสเซีย ซึ่งเพิ่มความกังวลให้กับนักลงทุนที่กำลังวิตกเรื่องเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ที่ยังคงอยู่ในระดับสูงและภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา
***มีรายงานว่าดัชนี PCE พื้นฐาน (Core PCE) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ ปรับตัวขึ้น 2.6% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายปี สอดคล้องตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ จากระดับ 2.9% ในเดือนธ.ค. และเมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PCE พื้นฐานปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนม.ค. สอดคล้องตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ จากระดับ 0.2% ในเดือนธ.ค.
***ข้อมูลเศรษฐกิจที่เปิดเผยในวันศุกร์นี้มีความสำคัญต่อนักลงทุนที่พยายามประเมินทิศทางต่อไปของเฟด หลังจากที่เจ้าหน้าที่เฟดยังคงมีท่าทีคุมเข้มนโยบายการเงิน ขณะที่นักลงทุนกังวลว่านโยบายของทรัมป์ โดยเฉพาะมาตรการจำกัดด้านการค้า อาจทำให้ภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐฯ รุนแรงขึ้น..บรรดาเทรดเดอร์คาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งภายในเดือนธ.ค. ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากก่อนการเปิดเผยดัชนี PCE
***ส่วนตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ (3-7 มี.ค. 68) กูรูหุ้นประเมิน SET INDEX มีแนวรับที่ 1,185 และ 1,175 ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,215 และ 1,230 จุด ตามลำดับ โดยมีปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนก.พ. ของไทย ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด นโยบายของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ และทิศทางเงินทุนต่างชาติ
***ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี ISM/PMI ภาคการผลิตและการบริการ ข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชนของ ADP ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร อัตราการว่างงานเดือนก.พ.รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่น ๆ ได้แก่ การประชุม ECB ดัชนี PMI ภาคการผลิตและการบริการเดือนก.พ.ของญี่ปุ่น จีน ยูโรโซนและอังกฤษ ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนก.พ. (เบื้องต้น) และตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/2567 ของยูโรโซน ตลอดจนข้อมูลนำเข้าและส่งออกเดือนม.ค.-ก.พ.ของจีน
***ศุกร์ที่ผ่านมา EA ประกาศผลการดำเนินงานรอบปี 2567 แล้วนะ!!! เจ๊อยากจะบอกว่าเห็นตัวเลขแล้วไม่ต้องช็อค! และไม่ต้องตกใจ เพราะนี่เป็นเรื่องทางบัญชีที่ทำการบนทึกรายการพิเศษต่างๆ เอาไว้แบบว่าล้างบ้านให้สะอาดเกลี้ยงเกลา ..ไม่ต้องห่วงว่าจะมีอะไรซุกซ่อน จากนี้ก้อเคลียร์ๆ ใสๆ เดินหน้าทำงานได้อย่างเต็มที่ไม่มีต้องห่วงหน้าพะวงหลังอีกแล้ว
***ปี 2567 นี้ EA แจ้งขาดทุนสุทธิ 4,630 ลบ. จากปี 2566 ที่เคยทำกำไรเอาไว้ 7,606 ลบ. บริษัทฯ ชี้แจงว่ากําไรสุทธิส่วนของบริษัทใหญ่ (ไม่รวมรายการพิเศษ) ปี 2567 อยู่ที่ 2,227.96 ล้านบาท ลดลงจากปี 2566 จํานวน 4,916.58 ล้านบาท (ย้ำ!!!! ที่จริงแล้วถ้าดูจากการดำเนินงาน EA กำไรนะ!!!) โดยหลักลดลงจากผลการดําเนินงานของธุรกิจรถโดยสารไฟฟ้าและรถเพื่อการพาณิชย์ เนื่องจากส่งมอบรถน้อยลงจํานวน 1,420 ล้านบาท ลดลงจากผลการดําเนินงานของธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในจังหวัดนครสวรรค์ เนื่องจากการหมดระยะเวลาการรับเงินอุดหนุนจากรัฐบาล (adder) จํานวน 1,284 ล้านบาท ลดลงจากผลกระทบการปรับลดค่า FT ของทางภาครัฐจํานวน 597 ล้านบาท ลดลงจากการรับรู้ส่วนแบ่งผลขาดทุนจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและร่วมค้าจํานวน 1,184 ล้านบาท ลดลงจากผลการดําเนินงานของธุรกิจแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนจํานวน 712ล้านบาท
***ทั้งนี้ EA มี*รายการพิเศษปี 2567 (รายการปรับปรุงทางบัญชีที่ไม่ใช่เงินสด (non-cash items)) โดยในปี 2567 กลุ่มบริษัทฯ ได้พิจารณาปรับปรุงรายการทางบัญชีที่ไม่ใช่เงินสด (non-cash items) จํานวนรวม 9,544.20 ล้านบาท(ส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ จำนวน 6,857.97 ล้านบาท) ซึ่งประกอบไปด้วยรายการต่าง ๆ ดังนี้
-สํารองค่าเผื่อการปรับลดมูลค่าของสินค้าคงเหลือประเภทแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนจํานวน 3,158 ล้านบาท รถโดยสารไฟฟ้าและรถเพื่อการพาณิชย์จํานวน 333 ล้านบาท และสินค้าอื่น 10 ล้านบาท
-สํารองผลขาดทุนที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากลูกหนี้การค้าบริษัท เน็กซ์ พอยท์ จํากัด (มหาชน) จํานวน 1,315 ล้านบาท สาเหตุจากรถโดยสารไฟฟ้าและรถเพื่อการพาณิชย์ที่จําหน่ายออกไปให้บริษัทดังกล่าวยังไม่ได้ถูกจําหน่ายไปให้แก่ลูกค้าภายนอก รวมทั้งสํารองผลขาดทุนจากลูกหนี้การค้ากลุ่มบริษัท ไทยสมายบัส จํากัด จํานวน 839 ล้านบาท และลูกหนี้อื่นจํานวน 54 ล้านบาท
-รับรู้ผลขาดทุนจากการตัดจําหน่ายขาดทุนจากการตัดจําหน่ายเครื่องจักรและอุปกรณ์และสินทรัพย์ไม่มีตัวตน จํานวน 482 ล้านบาท
-สํารองผลขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ประเภทอาคารและอุปกรณ์จํานวน 1,173 ล้านบาท ค่าความนิยมจํานวน 920 ล้านบาท สินทรัพย์สิทธิการใช้จํานวน 590 ล้านบาท สินทรัพย์ไม่มีตัวตนจํานวน 498 ล้านบาท และเครื่องหมายการค้าจํานวน 172 ล้านบาท ซึ่งการสํารองผลขาดทุนดังกล่าวกลุ่มบริษัทฯ ได้มีการพิจารณาถึงข้อบ่งชี้ของสินทรัพย์แต่ละประเภทเปรียบเทียบกับมูลค่าจากผู้ประเมินอิสระภายนอก
***อีกเรื่องของ EA ที่เจ๊ว่ามีสัญญาณที่บ่งชี้ถึงการฟื้นตัวกลับมาได้ในเร็ววันนะ!!
1.ธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน
ในปี 2566 บริษัทฯ ได้ชนะการประมูลโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมขนาด 90 เมกะวัตต์ (MW) อีกหนึ่งโครงการผ่านบริษัท วินด์ มหาสารคาม 1 จํากัด โดยโครงการดังกล่าวมีกําหนดการเริ่มดําเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ภายในปี 2569 กลุ่มบริษัทฯ จะเดินหน้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนทั้งในและต่างประเทศ พร้อมนําเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ มาปรับใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯ มั่นใจว่าการขยายธุรกิจนี้จะเสริมความมั่นคงทางรายได้และสนับสนุนโครงสร้างพลังงานสะอาดของประเทศ
2.ธุรกิจผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนและระบบกักเก็บพลังงาน
ในไตรมาสที่ผ่านมา Amita-TH ได้อยู่ระหว่างการเจรจาในการลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อจัดตั้งการร่วมทุนกับหนึ่งในผู้ผลิตแบตเตอรี่ชั้นนําของจีน ซึ่งมีฐานลูกค้าสําคัญในสหรัฐอเมริกาและยุโรป การร่วมทุนครั้งนี้มุ่งเน้นการผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนและจะเป็นโรงงานที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยแบตเตอรี่เหล่านี้ส่วนใหญ่จะใช้ในระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage System) เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ การผลิตจะตั้งอยู่ที่โรงงานของ EA ในจังหวัดฉะเชิงเทรา บนพื้นที่ขนาด 80,000 ตารางเมตร (91 ไร่) และมีแผนขยายกําลังการผลิตจาก 2 กิกะวัตต์ชั่วโมงต่อปี(GWh) เป็น 4 กิกะวัตต์ชั่วโมงต่อปี (GWh) ในอนาคต คาดว่าการลงนามข้อตกลงอย่างเป็นทางการจะเกิดขึ้นในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 และจะเริ่มกระบวนการเตรียมสถานที่และเครื่องจักรภายในปีเดียวกัน
3.ธุรกิจผลิตรถโดยสารไฟฟ้าและรถเพื่อการพาณิชย์
- บริษัท แอ๊บโซลูท แอสเซมบลี จํากัด (AAB)มีกําลังการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์สูงสุดถึง 9,000 คันต่อปี และสามารถรองรับการผลิตยานยนต์ได้หลายประเภท เช่น รถโดยสาร รถบรรทุก และรถสําหรับอุตสาหกรรมเฉพาะทาง นอกจากนี้ โรงงานของ AAB ยังได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ซึ่งช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันและดึงดูดพันธมิตรระดับนานาชาติ
ในเดือนธันวาคม 2567 บริษัทฯ ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงที่จะจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับ Chengli Special Automobile Co.,Ltd. หนึ่งในผู้ผลิตยานยนต์ประเภทพิเศษรายใหญ่ที่สุดของประเทศจีน ซึ่งมีประสบการณ์ในการผลิตและส่งออกรถยนต์ประเภทพิเศษมากกว่า 30,000 คัน ไปยังกว่า 30 ประเทศทั่วโลก ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว ยานยนต์ไฟฟ้าประเภทพิเศษจะถูกประกอบในโรงงานของEA ซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดฉะเชิงเทรา บนพื้นที่ขนาด 65,000 ตารางเมตร (80 ไร่) โดยมีกําลังการผลิตสูงสุดระหว่าง 3,000 – 9,000 คันต่อปี ขึ้นอยู่กับระดับความซับซ้อนของยานยนต์ที่ผลิต คาดว่าจะเริ่มการผลิตในเดือนเมษายน 2568 โดยยานยนต์ที่อยู่ในแผนการผลิต ได้แก่ รถพยาบาล รถขยะ และรถกระเช้า ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่ยานยนต์ไฟฟ้าประเภทพิเศษเหล่านี้จะได้รับการประกอบในประเทศไทยในระดับอุตสาหกรรม
การร่วมทุนครั้งนี้คาดว่าจะสร้างรายได้มากกว่า 3,000 ล้านบาทในปีแรกของการดําเนินงานเต็มรูปแบบในปี 2569 ซึ่งจะช่วยเสริมศักยภาพของกลุ่มบริษัทฯ ในธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า และขยายขอบเขตสู่ตลาดต่างประเทศอย่างชัดเจน
4.ธุรกิจไบโอดีเซล
- โครงการผลิตน้ํามันอากาศยานที่ยั่งยืน
ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้พัฒนากระบวนการผลิต Isomerization ซึ่งนอกจากจะเพิ่มคุณสมบัติให้ Green Diesel สามารถใช้งานในอุณหภูมิติดลบแล้ว ยังสามารถต่อยอดสู่การผลิตน้ำมันอากาศยานแบบยั่งยืน (SAF) ที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในอุตสาหกรรมการบิน โดยคาดว่าโรงงานจะสามารถเริ่มกระบวนการผลิต SAF ในปริมาณ 100,000 ลิตร/วัน ช่วงไตรมาสที่ 3/2568
5.ธุรกิจกําจัดขยะและโรงไฟฟ้าขยะ
กลุ่มบริษัทฯ มองเห็นโอกาสในธุรกิจนี้
จึงได้ดําเนินโครงการกําจัดขยะมูลฝอยชุมชนที่เกาะล้าน เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี รวมถึงโครงการกําจัดขยะด้วยระบบเตาเผาแบบตะกรับ รวมถึงการผลิตและจําหน่ายไฟฟ้าจากขยะ ขนาด 8 MW โดยร่วมมือกับเทศบาลนครภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต โครงการทั้งสองนี้เป็นโครงการต้นแบบที่สนับสนุนการพัฒนาเมืองท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทฯ ยังได้ดําเนินโครงการลักษณะเดียวกันกับเทศบาลเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี โดยจัดตั้งโครงการกําจัดมูลฝอยด้วยระบบเตาเผาแบบตะกรับ เพื่อผลิตและจําหน่ายไฟฟ้าจากขยะ ขนาด 8 MW รวมถึงสร้างโอกาสในการขยายโครงการลักษณะนี้ไปยังพื้นที่อื่นในอนาคต
กลุ่มบริษัทฯ ประเมินว่าธุรกิจการกําจัดขยะและโรงไฟฟ้าจากขยะมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องเนื่องจากการสนับสนุนจากภาครัฐที่ให้ความสําคัญกับการกําจัดขยะอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ การเข้าสู่ธุรกิจนี้ยังเปิดโอกาสให้บริษัทฯ ใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น รถบรรทุกขยะไฟฟ้าและสร้างโอกาสธุรกิจใหม่ ๆ ในอนาคต