เรื่องเด่นวันนี้

SMD100 เปิดแผนธุรกิจ โชว์กลยุทธ์รับ Megatrend ด้านสุขภาพ ตุน Backlog มูลค่ากว่า 579.06 ล้านบาท


04 มีนาคม 2568

ดร.วิโรจน์ วสุศุทธิกุลกานต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสเอ็มดี ไรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SMD100 ขอนำเสนอวิสัยทัศน์และทิศทางธุรกิจ เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับการวิเคราะห์ศักยภาพและโอกาสเติบโตในอนาคต

 SMD100 เปิดแผนธุรกิจ_ข่าวลูกค้า S2T (เว็บ)_0.jpg

ภาพรวมผลประกอบการและการจ่ายปันผล

คณะกรรมการบริษัทมีมติเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 เสนอให้ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ในวันที่ 19 เมษายน 2568 พิจารณาอนุมัติการจ่ายเงินปันผลสำหรับปี 2567 ในอัตรา 0.75 บาทต่อหุ้น โดยบริษัทได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้ว 0.50 บาทต่อหุ้น เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2567 หากที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติในวันที่ 3 เมษายน 2568 บริษัทจะจ่ายเงินปันผลส่วนที่เหลืออีก 0.25 บาทต่อหุ้น ในวันที่ 21 เมษายน 2568

หากได้รับอนุมัติ บริษัทจะจ่ายเงินปันผลรวม 609.82 ล้านบาทในช่วง 5 ปี โดยได้จ่ายไปแล้ว 557.89 ล้านบาท และจะจ่ายเพิ่มอีก 51.93 ล้านบาทในวันที่ 21 เมษายน 2568

การลดลงของกำไรสุทธิในปีที่ผ่านมาเป็นผลจากการลงทุนเพื่อการเติบโตระยะยาว ถือเป็นการลดลงของกำไรเชิงกลยุทธ์ ไม่ใช่สัญญาณการถดถอยของธุรกิจ บริษัทในเครืออยู่ระหว่างการลงทุน ทำให้งบการเงินรวมยังไม่สะท้อนศักยภาพที่แท้จริง

ฐานะการเงินของบริษัทยังคงแข็งแกร่ง โดยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E Ratio) ที่ 0.70 เท่า ณ สิ้นปี 2567 ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม บริษัทมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด 242.66 ล้านบาท และ Backlog มูลค่า 579.06 ล้านบาท ที่จะทยอยรับรู้เป็นรายได้ในอนาคต

ดำเนินธุรกิจกราฟปันผล-smd-rise1368.jpg

การปรับโครงสร้างองค์กรและกลยุทธ์ธุรกิจใหม่

บริษัทได้ปรับโครงสร้างองค์กรเป็น 5 หน่วยงานหลัก

  • SMD Genesis Co.,Ltd.
  • SMD Sappaya Co.,Ltd.
  • SMDi Co.,Ltd.
  • SMD Connex Co.,Ltd.
  • SMD rise Global Business Unit

พร้อมเปลี่ยนชื่อจาก “เซนต์เมด” เป็น “เอสเอ็มดี ไรส์” เพื่อสะท้อนวิสัยทัศน์การเปลี่ยนผ่านจากผู้จัดจำหน่ายเครื่องมือแพทย์สู่ผู้ให้บริการระบบนิเวศด้านสุขภาพครบวงจร (Healthcare Ecosystem Provider)

คณะกรรมการมีมติอนุมัติการจัดตั้ง SMD Connex Co., Ltd. เพื่อดำเนินธุรกิจ Medical IT ในรูปแบบ Device as a Service (DaaS) และ Software as a Service (SaaS) ซึ่งเป็นโมเดลธุรกิจที่สร้างรายได้ต่อเนื่อง (Recurring Income)

นอกจากนี้ บริษัทมีแผน Spin-off บริษัท เอสเอ็มดี สัปปายะ จำกัด ซึ่งมุ่งเน้นธุรกิจ Longevity & Wellness เพื่อเพิ่ม Fund Flow และดึงมูลค่าแฝงของธุรกิจออกมา

กลยุทธ์ “10S” รองรับ Megatrend ด้านสุขภาพ

บริษัทวางกลยุทธ์ “10S” ครอบคลุมความต้องการด้านสุขภาพแบบองค์รวม

  • Sleep
  • Sex
  • Stress
  • Syndrome (Metabolic & Office)
  • Slim
  • Skin
  • Soul & Spirit
  • Super Smart Exercise
  • Super Sappaya

กลยุทธ์นี้สอดคล้องกับเทรนด์ Longevity & Wellness ซึ่งมีมูลค่าตลาดกว่า 4.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าจะเติบโตเฉลี่ย 9.9% ต่อปีจนถึงปี 2570

S__17113159.jpg

Backlog แข็งแกร่งและการเติบโตในอนาคต

บริษัทมี Backlog มูลค่า 579.06 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น

  • เวชศาสตร์การนอนหลับ (58%)
  • เวชบำบัดวิกฤต (13%)
  • รังสีวิทยา (13%)

ธุรกิจอยู่ในแนวโน้ม Megatrend และพร้อมขยายตัวอย่างรวดเร็ว

โอกาสเติบโตจากนโยบายภาครัฐ บริษัทได้รับประโยชน์จากพระราชบัญญัติประกันสังคมที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 มกราคม 2567 ซึ่งครอบคลุมการรักษาผู้ป่วยโรคหยุดหายใจขณะหลับด้วยเครื่อง CPAP

นอกจากนี้ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้อนุมัติการเบิกค่าตรวจการนอนหลับและเครื่องช่วยหายใจซีแพพ ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อการเติบโตของธุรกิจนี้

ตลาดศักยภาพสูงจากจำนวนผู้ประกันตนกว่า 11 ล้านคน และผู้มีสิทธิในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าอีก 47 ล้านคน ความโดดเด่นด้านมาตรฐานระดับสากล

บริษัทมีศูนย์ตรวจการนอนหลับที่ได้รับมาตรฐานระดับสากล

  • ศูนย์ตรวจการนอนหลับ เอสเอ็มดีเอกซ์คิน-ออริจิ้น ได้รับการรับรอง AACI เป็นแห่งแรกในเอเชียแปซิฟิก
  • ศูนย์ตรวจการนอนหลับขนาด 11 เตียงในศูนย์การแพทย์ธรรมศาสตร์ อยู่ระหว่างเตรียมรับรองมาตรฐาน
  • ศูนย์ตรวจการนอนหลับศิริราชกาญจนาภิเษก ได้รับการรับรอง AACI

บริษัทมีแผนร่วมลงทุนในรูปแบบ PPP กับโรงเรียนแพทย์และโรงพยาบาลจังหวัดขนาดใหญ่หลายแห่ง

การลงทุนในเทคโนโลยีขั้นสูงบริษัทให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีขั้นสูง โดยเฉพาะผ่าน SMDi Co., Ltd. ที่พัฒนาเทคโนโลยีรักษามะเร็ง Proton Therapy ร่วมกับโรงพยาบาลธรรมศาสตร์

เทคโนโลยีนี้ช่วยกำหนดตำแหน่งการฉายรังสีแม่นยำสูง ลดผลข้างเคียง เหมาะสำหรับมะเร็งในจุดสำคัญและผู้ป่วยเด็ก บริษัทได้ลงนาม MOU และเตรียมลงนาม MOA โดยโครงการจะใช้เวลาก่อสร้าง 2 ปี และมีรายได้ประมาณ 12,000 ล้านบาท ตลอดอายุสัญญา 20 ปี

แนวทางการดำเนินธุรกิจในอนาคต

บริษัทมุ่งสู่โมเดลรายได้ต่อเนื่อง (Recurring Income) ผ่าน

  • Revenue Sharing
  • DaaS (Device as a Service)
  • Subscription Services
  • Clinical Information Systems

การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยสร้างกระแสเงินสดมั่นคง ลดความผันผวนของรายได้ และขยายฐานลูกค้าระยะยาวนอกจากนี้ บริษัทเร่งกระจายฐานลูกค้าสู่ภาคเอกชน เพื่อลดการพึ่งพารายได้จากภาครัฐที่ปัจจุบันมีสัดส่วน 66.92% โดยมุ่งเน้นธุรกิจ Longevity & Wellness และ Digital Health

สรุป SMD rise มุ่งมั่นพัฒนาองค์กรตามวิสัยทัศน์ “Leading Healthcare with Cutting-Edge Innovation” เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนและผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ถือหุ้น