บมจ.ตะวันออกพาณิชย์ลีสซิ่ง เปลี่ยนซื้อขายหลักทรัพย์เป็น “EAST” รุกขยายพอร์ตสินเชื่อยานยนต์มือสองและ Car 4 Cash ดันพอร์ต 1 หมื่นล้านใน 3 ปี 2 หมื่นล้านใน 5 ปี
บมจ. ตะวันออกพาณิชย์ลีสซิ่ง โชว์ผลการดำเนินงานปี 2567 ทำมีรายได้รวม 709.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.47% หลังพอร์ตลูกหนี้โดยรวมขยายตัวต่อเนื่อง และมีกำไรสุทธิ 62.03 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าเปลี่ยนตัวย่อซื้อขายหลักทรัพย์เป็น EAST สะท้อนแนวทางความร่วมมือกับหุ้นส่วนทางธุรกิจทั้ง GMT และ PREMIUM เร่งขยายพอร์ตสินเชื่อโดยรวม 5 ปี เพิ่มเป็น 20,000 ล้านบาท
นายดนุชา วีระพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ตะวันออกพาณิชย์ลิสซิ่ง หรือ EAST เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 2567 เป็นปีที่มีความท้าทายการดำเนินธุรกิจให้บริการสินเชื่อยานยนต์มือสองในประเทศไทย แต่บริษัทฯ ยังสามารถผลักดันการเติบโตของผลการดำเนินงานได้เป็นที่น่าพอใจ โดยมีรายได้รวม 709.40 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 8.47% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งความสำเร็จมาจากพอร์ตสินเชื่อโดยรวมในปีนี้ขยายตัวต่อเนื่อง เป็นผลให้มีรายได้ดอกผลจากการขายตามสัญญาเช่าซื้อในปีนี้ทำได้ 530.82 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.36% แม้จะมีการช่วยเหลือลูกหนี้ปรับโครงสร้างหนี้เพื่อบรรเทาการชำระหนี้ที่เป็นแรงกดดันทำให้รายได้เช่าซื้อไม่สูงมากนัก ขณะที่กำไรสุทธิทำได้ 62.03 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้เตรียมเปลี่ยนแปลงสัญลักษณ์การซื้อขายหลักทรัพย์ฯ จาก ECL เป็น “EAST” เพื่อสะท้อนกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ในปีนี้ ทั้งนี้ได้ร่วมมือกับหุ้นส่วนทางธุรกิจกับบริษัท GMT ในเครือ ITOCHU Corporation จากประเทศญี่ปุ่น และกลุ่มพรีเมียม คอร์ปอเรชั่น (PREMIUM) โดยผนึกองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญการดำเนินธุรกิจและฐานทุนที่แข็งแกร่ง เพื่อบริหารจัดการพอร์ตสินเชื่อให้มีคุณภาพและเพิ่มประสิทธิภาพการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อที่รัดกุม รองรับแผนขยายพอร์ตสินเชื่อยานยนต์มือสองและธุรกิจ Car 4 Cash ในประเทศไทย ซึ่งตั้งเป้าภายใน 3 ปี พอร์ตสินเชื่อโดยรวมจะเพิ่มเป็น 10,000 ล้านบาท และเป็น 20,000 ล้านบาท ภายใน 5 ปีข้างหน้า
ยอดนิยม

GC ตั้งเป้าพลิกจากภาวะขาดทุน ฝ่าจุดต่ำสุดอุตสาหกรรม มุ่งลดต้นทุน เพิ่มรายได้ 4,500 ล้านบาทต่อปี

KISS กำไรปี 67 โต 21% สอดคล้องรายได้พุ่ง ตั้งเป้ารายได้แตะ 4,000 ลบ. เพิ่มสัดส่วนรายได้ ตปท.เป็น 20% ในปี 73

ASP ประกาศจ่ายเงินปันผลปี 2567 รวม 0.15 บาทต่อหุ้น
.jpg)
ผู้ถือหุ้น “TRITN” ผสานเสียงอนุมัติ ควบรวมที่ดินบ้านไร่เตชะอุบล มูลค่า 1.4 พันล้านบาท พร้อมเดินหน้าสู่ยุทธศาสตร์ใหม่
_%E0%B8%84%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B9%89%20S2T.jpg)