จับประเด็นหุ้นเด่น

รายงานพิเศษ : PTG วางกลยุทธ์เด็ด เน้นขยายเครือข่ายธุรกิจทุกมิติ พัฒนา Ecosystem ตอบสนองผู้บริโภค


04 มีนาคม 2568

บมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG) วางกลยุทธ์ปี68 เน้นการขยายเครือข่ายธุรกิจ พัฒนา Ecosystem ตอบสนองความต้องการผู้บริโภค  สร้างการเติบโตที่ยั่งยืน ตั้งเป้าธุรกิจน้ำมันโต 5-10%  ธุรกิจ Non-Oil  โตแรง 40-50% 

PTG วางกลยุทธ์เด็ด_รายงานพิเศษ S2T (เว็บ)_0.jpg

ท่ามกลางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่เติบโตอย่างช้าๆ  การกระจายฐานรายได้จึงเป็นสิ่งที่สำคัญ ในการสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน  ซึ่งบมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG) เป็นหนึ่งในบริษัทที่มีการสร้างแหล่งรายได้จากหลายแหล่ง  ทั้งธุรกิจน้ำมัน และไม่ใช่น้ำมัน 

โดย นายพิทักษ์  รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวถึงทิศทางธุรกิจของกลุ่มบริษัทในปี 68 เชื่อว่า จะยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งปีนี้บริษัทคงเน้นการขยายเครือข่ายธุรกิจในทุกมิติ พร้อมพัฒนาระบบนิเวศ (Ecosystem) ที่ตอบสนองต่อพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป

โดยตั้งเป้าการเติบโตของปริมาณการจำหน่ายน้ำมันไว้ที่ 5-10% เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งได้รับแรงหนุนจากการขยายสถานีบริการ การพัฒนาคุณภาพบริการ และการเพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้าผ่านโซลูชั่นที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ รวมถึงความต้องการใช้น้ำมัน โดยสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวในกรอบ 2.3-3.3%

สำหรับปัจจัยภายใน บริษัทยังคงเดินหน้าพัฒนาเครือข่ายสถานีบริการ PT อย่างต่อเนื่อง เน้นทำเลศักยภาพ ควบคู่กับการ Renovate สถานีบริการและพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกให้ครบวงจร เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป การเติบโตของฐานสมาชิก PT Max Card และ PT Max Card Plus ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนกว่า 25 ล้านคน หรือคิดเป็น 1 ใน 3 ของประชากรทั้งประเทศ 

พร้อมกันนี้ ยังได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาสถานีบริการให้ทันสมัย รองรับทั้งระบบดิจิทัลและการให้บริการที่ครบวงจร เพื่อยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าให้เหนือกว่าการเป็นเพียงสถานีเติมน้ำมัน โดยบริษัทตั้งเป้าเพิ่มจำนวนสถานีบริการให้ครบ 2,279 สาขา ภายในสิ้นปีนี้ 68

ส่วนธุรกิจ Non-Oil ตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ (ไม่รวม LPG) ที่ 40-50% จากปีก่อน โดยเน้นขยาย Touchpoints  เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นของลูกค้า โดยตั้งเป้าเพิ่มเป็น 2,978 สาขา รวมถึงการขยายร้านกาแฟพันธุ์ไทยที่คาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะมีกว่า 2,000 สาขา  และเพิ่ม Touchpoints อื่นๆ ภายใต้ธุรกิจ Non-Oil เป็น 1,031 สาขา

“กาแฟพันธุ์ไทยยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของธุรกิจ Non-Oil ด้วยการขยายสาขาอย่างมีนัยสำคัญในปี 68  โดยใช้กลยุทธ์เลือกทำเลศักยภาพสูงเพื่อเข้าถึงฐานลูกค้าเป้าหมาย ฐานข้อมูลสมาชิก PT Max Card และ PT Max Card Plus ซึ่งช่วยให้บริษัทสามารถกำหนดพื้นที่ขยายสาขาได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

การเติบโตของกาแฟพันธุ์ไทยไม่ได้มาจากเพียงการขยายสาขาเท่านั้น แต่ยังได้รับแรงสนับสนุนจากการเติบโตของ SSSG ซึ่งขยายตัวต่อเนื่องจากความต้องการของลูกค้าสมาชิกและบุคคลทั่วไปที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภค จากกลยุทธ์ดังกล่าวคาดว่าสัดส่วนกำไรขั้นต้นธุรกิจ Non-Oil จะอยู่ที่  30-35% ของกำไรขั้นต้นรวม เพิ่มขึ้นจาก 25% ในปี 67 

นอกจากนี้ บริษัทยังเดินหน้าขยาย Autobacs, Max Mart และ Subway ซึ่งเป็น Touchpoints สำคัญที่ช่วยเสริมระบบนิเวศทางธุรกิจให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดย Autobacs จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการให้บริการซ่อมบำรุงรถยนต์ Max Mart  ขยายตัวเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า สำหรับสินค้าอุปโภคบริโภคที่เข้าถึงง่ายและ Subway ช่วยเพิ่มทางเลือกด้านอาหารเพื่อสุขภาพให้กับลูกค้าในสถานีบริการน้ำมันและพื้นที่เชิงพาณิชย์ด้วย

ขณะที่บล.กรุงศรี  ได้ออกบทวิเคราะห์ PTG โดยคาดการณ์ว่า ปี 68 กำไรสุทธิ จะเพิ่มขึ้น 39% จากปีก่อน โตทั้งปริมาณขายและอัตรากำไร โดยธุรกิจ Oil คาดราคาน้ำมันลดลง (supply ตึงตัวน้อยลง) จะลดแรงกดดันต่อค่าการตลาดน้ำมัน คาดเพิ่มเป็นราว 1.73 บาท/ ลิตร หรือเพิ่มขึ้น 5% จากปีก่อน  ด้านปริมาณขายได้ประโยชน์ต่อเนื่องหลังประสบความสำเร็จในการเพิ่มส่วนแบ่งตลาดน้ำมันไปใน 67 และ non-oil ที่เร่งขยาย Pun Thai ต่อเนื่อง 

ดังนั้นบริษัทจึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 10.5 บาท/หุ้น  ซึ่งมองราคาหุ้นที่ปรับลด YTD น่าจะสะท้อนค่า การตลาดนน้ำมันที่ทรงตัวในไตรมาส 4/67 และความกังวลกฎหมายคุมราคาน น้ำมันไประดับหนึ่งแล้ว หากรับความเสี่ยงได้ PTG น่าสนใจ ธุรกิจ Oil ค่าการตลาดน้ำมันมีแนวโน้มฟื้นตัวในระยะยาวจากแรง  กดดันด้านต้นทุนที่ทยอยลดลง และ Non-oil ที่ Pun Thai เติบโตเป็นเท่าตัว

PTG