Talk of The Town

AOT คลายกังวล? แจงเอกสารผิด ยัน “คิงพาวเวอร์” ไม่ขอเลื่อน โบรกฯ แนะ ชะลอลงทุน รอชัดเจนเดือน พ.ค. นี้


05 มีนาคม 2568

วานนี้ราคาหุ้นบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ได้ปรับตัวลงอย่างหนักอีกครั้ง จนมาอยู่ที่  39.75 บาท ณ ตอนปิดตลาด ซึ่งเป็นการตัวลงมาต่ำสุดในรอบ 8 ปีหรือจากวันที่ 18 เม.ย. 2560 ที่ราคาปิดตลาดอยู่ที่ 40 บาท หลังแก้ข่าวมาตรการช่วยผู้เช่า เลื่อนระยะเวลาชำระลงเหลือแค่ ก.พ. นี้

AOT คลายกังวล_S2T (เว็บ)_0.jpg

โดยนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ให้มุมมองว่าจากการตรวจสอบกับบริษัทพบว่าจำนวนเดือนที่เพิ่มขึ้น 2 เดือนเป็นความผิดพลาดของการทำเอกสารชี้แจงตลาด KPD ไม่ได้ยื่นขอเวลาเพิ่ม AOT อนุมัติให้ KPD (Duty Free) เลื่อนชำระผลตอบแทนไปจนถึงเดือนเม.ย. 68 อยู่ก่อนแล้ว แต่มีอีกสัมปทานของ KPS (ผู้ประกอบกิจการบริหารจัดการกิจกรรมเชิงพาณิชย์) ได้รับเลื่อนชำระถึงแค่ ก.พ. 68

โดยจำนวนลูกหนี้ 2 เดือนที่เพิ่มมายังอยู่ในกรอบของหนังสือค้ำประกันที่ AOT ได้รับ ไม่มีผลต่อการตั้งสำรองลูกหนี้ และหากจะเลื่อนชำระตั้งแต่งวด พ.ค. 68 ออกไปอีก AOT ระบุว่าจะต้องนำหนังสือค้ำประกันมาวางเพิ่มและชำระค่าปรับที่อัตรา 9% ต่อปี

ทั้งราคาหุ้นปัจจุบันสะท้อนการปรับลด MAG กลับไปใกล้เคียงสัญญาเดิมปี 2562 มากแล้ว อย่างไรก็ตาม แรงกดดันจากความกังวลถึงสถานะทางการเงินของ King Power จะยังกดดันราคาหุ้น ต้องรอช่วงกลางปี 2568 ถึงจะประเมินได้ว่า KP จะกลับมาจ่ายสัมปทานได้ตามปกติหรือไม่ และหากมีการปรับสัมปทานจริง ตลาดอาจปรับลด Multiple ไปซื้อขายบน PER เพียง 25x ใกล้เคียงช่วงก่อนประมูลหุ้นมีโอกาสลงไปได้ 30-35 บาท

ดังนั้นหากไม่มีสถานะแนะนำชะลอการลงทุน รอติดตามการกลับมาชำระเงินของ KP ในช่วงเดือนพ.ค.68 หากกลับมาจ่ายได้ตามปกติ ตลาดอาจลดความกังวล ราคาหุ้นมีโอกาสฟื้นตัว

สุดท้ายนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) ให้มุมมองการแก้ไขนี้ทำให้ตลาดมีความกังวลเกี่ยวกับปัญหาสภาพคล่องของคิง เพาเวอร์ มากขึ้น ส่งผลให้ราคาหุ้น AOT ร่วงลงอีก 6% เมื่อวานนี้ อย่างไรก็ตาม AOT ได้แจ้งกับเราแล้วว่า การแก้ไขนี้เกิดจากข้อผิดพลาดในการพิมพ์ และคิง เพาเวอร์ ไม่ได้เจรจากับ AOT เพื่อขอเวลามากขึ้นในการเลื่อนการชำระเงิน

อย่างไรก็ดี ถึงแม้ว่าจะมีความกังวลเกี่ยวกับปัญหาสภาพคล่องของคิง พาวเวอร์ แต่ยังคงคำแนะนำ "ซื้อ" AOT เนื่องจากราคาหุ้นที่ลดลง 34% จากจุดสูงสุดในปีนี้สะท้อนข่าวร้ายบางส่วนแล้ว และคาดว่าคิง พาวเวอร์ จะไม่ผิดนัดการชำระเงินและคาดว่าผลการดำเนินงานของคิง พาวเวอร์ จะฟื้นตัวตามการเติบโตของจำนวนนักท่องเที่ยวที่มาเยือนประเทศไทย

รวมถึงแม้จะคำนึงถึงความเสี่ยงจากคู่สัญญานี้โดยการลดประมาณการกระแสเงินสดในอนาคตของ AOT ลงเหลือ 3.1 หมื่นล้านบาท ซึ่งบ่งชี้ว่าการชำระรายได้ประกันขั้นต่ำจากคิง พาวเวอร์ จะต่ำกว่าคาด 20% แต่ราคาเป้าหมายที่ 55 บาท ยังคงสูงกว่าราคาหุ้นปัจจุบัน

นอกจากนี้ ธุรกิจของ AOT มีกระแสเงินสดที่ทำกำไรสูง โดยมี EBITDA margin ที่ 59-62% และ ROE ที่ดีที่ 17-19% AOT สร้าง EBITDA ได้ที่ 4.3-5.2 หมื่นล้านบาทต่อปี (เทียบกับสัดส่วนของคิง พาวเวอร์ที่ประมาณ 30-35% ของตัวเลขนี้) และมีสถานะเป็นเงินสดสุทธิ และมีอัพไซด์ต่อกำไรจากการปรับขึ้นค่าธรรมเนียมบริการผู้โดยสาร

AOT