ทิพยประกันภัย เผยกำไร ปี 2565 อยู่ที่ 1,238 ล้านบาท เบี้ยประกันภัยรับโตทะลุเป้ากว่า 3.2 หมื่นล้านบาท เติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่งในทุกประเภทผลิตภัณฑ์ ขณะที่ TIPH พร้อมลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโต และธุรกิจเทคโนโลยีที่จะมาสนับสนุนทิพยประกันภัย เพื่อขยายขีดความสามารถในการเติบโต และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผู้ถือหุ้นได้อย่างยั่งยืน
ดร.สมพร สืบถวิลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TIPH และ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ TIP เปิดเผยผลการดำเนินงานของ ทิพยประกันภัยในไตรมาส 4/2565 มีกำไรสุทธิ 432.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 224.17 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 107.84 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน TIP มีเบี้ยประกันภัยรับรวมในไตรมาส 4/2565 ถึง 10,784.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.72 จากงวดเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้เบี้ยประกันภัยรับรวมของ TIP สำหรับปี 2565 เท่ากับ 32,575.09 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,165.00 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 10.76 เมื่อเทียบกับปี 2564 ซึ่งถือเป็นเบี้ยประกันภัยรับต่อปีที่สูงที่สุดของทิพยประกันภัย
โดยมีการเติบโตของเบี้ยประกันภัยรับในทุกผลิตภัณฑ์ ประกอบด้วยเบี้ยประกันอัคคีภัย เติบโตร้อยละ 36.65 เบี้ยประกันภัยทางทะเลและขนส่ง เติบโตร้อยละ 18.10 เบี้ยประกันภัยรถยนต์ เติบโตร้อยละ 20.78 และเบี้ยประกันภัยเบ็ดเตล็ด เติบโตร้อยละ 5.23 ขณะที่กำไรสุทธิของ TIP สำหรับปี 2565 อยู่ที่ 1,238.29 ล้านบาท ชะลอตัวจากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากภาพรวมอุตสาหกรรมประกันวินาศภัยในรอบปีที่ผ่านมาถือเป็นปีที่ได้รับผลกระทบต่าง ๆ จากสถานการณ์การระบาดของโรค COVID-19 ช่วงต้นปีถึงกลางปี ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการลงทุน อย่างไรก็ตาม TIP ยังมีความสามารถในการทำกำไรได้อย่างมั่นคงเมื่อเทียบกับภาพรวมของอุตสาหกรรม
ในส่วนของงบการเงินรวมของบริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TIPH มีกำไรสุทธิสำหรับปี 2565 จำนวน 1,165.92 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิต่อหุ้นจำนวน 1.96 บาท โดย TIPH ได้เริ่มเก็บเกี่ยวรายได้และผลการดำเนินงานของบริษัทย่อยภายใต้กลุ่มธุรกิจสนับสนุนประกันภัย ที่ขยายการลงทุนไปแล้วในช่วงปีที่ผ่านมา อาทิ บริษัท อะมิตี้ อินชัวร์รันซ์ โบรคเกอร์ จำกัด หรือ Amity มีกำไรสุทธิสำหรับปี 2565 อยู่ที่ 14.7 ล้านบาท บริษัท ดีพี เซอร์เวย์ แอนด์ลอว์ จำกัด หรือ DP Survey มีกำไรสุทธิสำหรับปี 2565 อยู่ที่ 24.1 ล้านบาท และบริษัท ศูนย์ฝึกอบรมทิพย จำกัด หรือ TIP Academy มีกำไรสุทธิสำหรับปี 2565 อยู่ที่ 4.9 ล้านบาท โดยเป็นผลมาจากรายได้จากการดำเนินงานจากความร่วมมือกับพันธมิตรรายใหญ่ในการขยายฐานลูกค้า และการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายและควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ในส่วนของบริษัท อินชัวร์เวิร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ InsurVerse ซึ่งประกอบธุรกิจประกันภัยดิจิทัล 100% แห่งแรกในประเทศไทย ภายใต้กลุ่ม TIPH นั้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์ โดยคาดว่าจะสามารถเริ่มขายผลิตภัณฑ์ประกันภัยรถยนต์ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ 100% ได้ภายในไตรมาส 2/2566 และเพิ่มผลิตภัณฑ์ประกันอุบัติเหตุ ประกันสุขภาพ ประกันภัยการเดินทาง รวมถึงประกันภัยส่วนบุคคลอื่นๆ ต่อไป
ทั้งนี้ ดร.สมพร เชื่อมั่นว่า ด้วยจุดแข็งของ TIP คือ การมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง ผลิตภัณฑ์การรับประกันภัยที่มีความหลากหลาย การรับประกันภัยอย่างระมัดระวัง และการบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนมีเครือข่ายการจัดจำหน่ายที่เข้มแข็ง ครบวงจร ทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ผ่านความร่วมมือกับผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ประกอบกับทิศทางการลงทุนต่อยอดในอนาคตที่ชัดเจน ของ TIPH ที่มุ่งเน้นการลงทุนในธุรกิจประกันภัย ในตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโต และธุรกิจอื่นๆ ที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง รวมถึงธุรกิจเทคโนโลยีที่จะมาสนับสนุนธุรกิจประกันภัยเป็นหลัก เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน ตลอดจนพัฒนาระบบนิเวศทางธุรกิจ (Business Ecosystem) ของกลุ่มธุรกิจอย่างครบวงจร ด้วยต้นทุนทางการเงินที่เหมาะสมจากการมีเครดิตเรทติ้งองค์กรที่ “AA” ที่ประเมินและจัดอันดับโดยบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เพื่อก้าวไปสู่การเป็นกลุ่มบริษัทประกันภัยอันดับหนึ่งในภูมิภาค และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผู้ถือหุ้น ลูกค้า และผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วนอย่างยั่งยืนในอนาคตได้
ดร.สมพร สืบถวิลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TIPH และ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ TIP เปิดเผยผลการดำเนินงานของ ทิพยประกันภัยในไตรมาส 4/2565 มีกำไรสุทธิ 432.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 224.17 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 107.84 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน TIP มีเบี้ยประกันภัยรับรวมในไตรมาส 4/2565 ถึง 10,784.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.72 จากงวดเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้เบี้ยประกันภัยรับรวมของ TIP สำหรับปี 2565 เท่ากับ 32,575.09 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,165.00 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 10.76 เมื่อเทียบกับปี 2564 ซึ่งถือเป็นเบี้ยประกันภัยรับต่อปีที่สูงที่สุดของทิพยประกันภัย
โดยมีการเติบโตของเบี้ยประกันภัยรับในทุกผลิตภัณฑ์ ประกอบด้วยเบี้ยประกันอัคคีภัย เติบโตร้อยละ 36.65 เบี้ยประกันภัยทางทะเลและขนส่ง เติบโตร้อยละ 18.10 เบี้ยประกันภัยรถยนต์ เติบโตร้อยละ 20.78 และเบี้ยประกันภัยเบ็ดเตล็ด เติบโตร้อยละ 5.23 ขณะที่กำไรสุทธิของ TIP สำหรับปี 2565 อยู่ที่ 1,238.29 ล้านบาท ชะลอตัวจากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากภาพรวมอุตสาหกรรมประกันวินาศภัยในรอบปีที่ผ่านมาถือเป็นปีที่ได้รับผลกระทบต่าง ๆ จากสถานการณ์การระบาดของโรค COVID-19 ช่วงต้นปีถึงกลางปี ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการลงทุน อย่างไรก็ตาม TIP ยังมีความสามารถในการทำกำไรได้อย่างมั่นคงเมื่อเทียบกับภาพรวมของอุตสาหกรรม
ในส่วนของงบการเงินรวมของบริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TIPH มีกำไรสุทธิสำหรับปี 2565 จำนวน 1,165.92 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิต่อหุ้นจำนวน 1.96 บาท โดย TIPH ได้เริ่มเก็บเกี่ยวรายได้และผลการดำเนินงานของบริษัทย่อยภายใต้กลุ่มธุรกิจสนับสนุนประกันภัย ที่ขยายการลงทุนไปแล้วในช่วงปีที่ผ่านมา อาทิ บริษัท อะมิตี้ อินชัวร์รันซ์ โบรคเกอร์ จำกัด หรือ Amity มีกำไรสุทธิสำหรับปี 2565 อยู่ที่ 14.7 ล้านบาท บริษัท ดีพี เซอร์เวย์ แอนด์ลอว์ จำกัด หรือ DP Survey มีกำไรสุทธิสำหรับปี 2565 อยู่ที่ 24.1 ล้านบาท และบริษัท ศูนย์ฝึกอบรมทิพย จำกัด หรือ TIP Academy มีกำไรสุทธิสำหรับปี 2565 อยู่ที่ 4.9 ล้านบาท โดยเป็นผลมาจากรายได้จากการดำเนินงานจากความร่วมมือกับพันธมิตรรายใหญ่ในการขยายฐานลูกค้า และการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายและควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ในส่วนของบริษัท อินชัวร์เวิร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ InsurVerse ซึ่งประกอบธุรกิจประกันภัยดิจิทัล 100% แห่งแรกในประเทศไทย ภายใต้กลุ่ม TIPH นั้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์ โดยคาดว่าจะสามารถเริ่มขายผลิตภัณฑ์ประกันภัยรถยนต์ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ 100% ได้ภายในไตรมาส 2/2566 และเพิ่มผลิตภัณฑ์ประกันอุบัติเหตุ ประกันสุขภาพ ประกันภัยการเดินทาง รวมถึงประกันภัยส่วนบุคคลอื่นๆ ต่อไป
ทั้งนี้ ดร.สมพร เชื่อมั่นว่า ด้วยจุดแข็งของ TIP คือ การมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง ผลิตภัณฑ์การรับประกันภัยที่มีความหลากหลาย การรับประกันภัยอย่างระมัดระวัง และการบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนมีเครือข่ายการจัดจำหน่ายที่เข้มแข็ง ครบวงจร ทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ผ่านความร่วมมือกับผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ประกอบกับทิศทางการลงทุนต่อยอดในอนาคตที่ชัดเจน ของ TIPH ที่มุ่งเน้นการลงทุนในธุรกิจประกันภัย ในตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโต และธุรกิจอื่นๆ ที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง รวมถึงธุรกิจเทคโนโลยีที่จะมาสนับสนุนธุรกิจประกันภัยเป็นหลัก เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน ตลอดจนพัฒนาระบบนิเวศทางธุรกิจ (Business Ecosystem) ของกลุ่มธุรกิจอย่างครบวงจร ด้วยต้นทุนทางการเงินที่เหมาะสมจากการมีเครดิตเรทติ้งองค์กรที่ “AA” ที่ประเมินและจัดอันดับโดยบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เพื่อก้าวไปสู่การเป็นกลุ่มบริษัทประกันภัยอันดับหนึ่งในภูมิภาค และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผู้ถือหุ้น ลูกค้า และผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วนอย่างยั่งยืนในอนาคตได้