Fund / Insurance
XSpring AM โชว์ผลงานปี 67 พลิกกำไรโต 192% เตรียมเปิดขายกองทุน “X-FIXED6M1R”
06 มีนาคม 2568
XSpring AM เทคออฟโชว์ผลงานปี 67 พลิกกำไรโต 192% ค่าธรรมเนียมการจัดการกองทุนและค่าคอมมิชชั่นพุ่งเท่าตัว เตรียมเปิดขายกองทุน “X-FIXED6M1R” ตอบโจทย์นักลงทุนในตราสารหนี้

นายยศกร ฟอลเล็ต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็กซ์สปริง จำกัด หรือ XSpring AM เปิดเผยว่า ปี 2567 ถือเป็นปีแห่งการพลิกฟื้นธุรกิจ ทำให้มีรายได้รวม 190 ล้านบาท เติบโต 64% และมีกำไร 14 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 192% จากปี 2566 ที่มีรายได้ 116 ล้านบาท และมีผลขาดทุน 15 ล้านบาท โดยรายได้ส่วนใหญ่มาจากธุรกิจการเป็นนายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน (LBDU) และธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลที่เติบโตขึ้นกว่า 28% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
โดยไฮไลท์สำคัญของปีที่ผ่านมา บริษัทได้เสนอขายกองทุนเปิดเอ็กซ์สปริง ไพรเวทอิควิตี้ โครงสร้างพื้นฐานทั่วโลก ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย (UI) ซึ่งเป็นความร่วมมือกับทาง Macquarie Asset Management บริษัทผู้นำด้านการจัดการสินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐานระดับโลก ซึ่งมีประสบการณ์การบริหารจัดการสินทรัพย์ประเภทดังกล่าวมากว่า 30 ปี ทั้งนี้ ยังถือเป็นการเปิดเสนอขายกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานทั่วโลกของทาง Macquarie Asset Management เป็นครั้งแรกในประเทศไทย
ท่ามกลางความท้าทายในปี 2568 XSpring AM มั่นใจว่าจะขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตได้ตามเป้าหมาย โดยสร้างมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) ให้เติบโตเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดสู่ 15,000 ล้านบาท จาก 6,600 ล้านบาท ในปี 2567 แบ่งเป็นกองทุนส่วนบุคคล 4,400 ล้านบาท และกองทุนรวมอีก 4,000 ล้านบาท ส่วนธุรกิจนายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน (LBDU) คาดว่าปีนี้จะเห็นเม็ดเงินภายใต้การบริหารเพิ่มมากขึ้น แตะระดับ 3,400 ล้านบาท จากปีก่อนหน้าที่อยู่ราว 2,820 ล้านบาท ทั้งนี้ ในปี 2568 ตั้งเป้ารายได้ที่ 260 ล้านบาท ซึ่งจะมุ่งเน้นการออกกองทุนร่วมกับบริษัทจัดการกองทุนชั้นนำในต่างประเทศด้วยกลยุทธ์การลงทุนที่หลากหลาย โดยมีแผนออกกองทุนใหม่อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี พร้อมรักษาการลงทุนในกองทุนส่วนบุคคลด้วยการลงทุนตรงในโครงการอสังหาริมทรัพย์
โดยในเดือนนี้ XSpring AM เตรียมเปิดตัว กองทุนรวมตราสารหนี้ประเภทเทอมฟันด์ X-FIXED6M1R Rollover ทุก 6 เดือน เปิดให้จองซื้อ (IPO) ระหว่างวันที่ 10 - 17 มีนาคม 2568 และเริ่มลงทุนในวันที่ 18 - 19 มีนาคม 2568 สำหรับนักลงทุนสถาบัน นักลงทุนรายใหญ่ และนักลงทุนรายใหญ่พิเศษเท่านั้น
สำหรับทิศทางการลงทุนในปี 2568 XSpring AM มองว่า ความไม่แน่นอนในตลาดทุน และตลาดเงิน อันเนื่องมาจากผลกระทบของนโยบายทรัมป์ 2.0 เป็นแรงส่งให้เกิดความผันผวนของตลาด และสะท้อนภาพความเปราะบางของตลาดหุ้นทั่วโลก รวมถึงตลาดหุ้นไทยที่ยังมีความไม่แน่นอน แม้ กนง. มีมติลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% จาก 2.25% เป็น 2.00% ต่อปี ในการประชุมครั้งล่าสุด ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้ไทย แต่ในเชิงเทคนิคดัชนีหุ้นไทยยังมีโอกาสปรับลดลงมาอยู่ในกรอบ 1,150 – 1,220 จุด มีแนวรับอยู่ที่ 1,160 จุด แม้จะปรับตัวลงมาแล้วกว่า - 13.73% ตั้งแต่ต้นปีก็ตาม
ทั้งนี้หากพิจารณาในเชิงมูลค่า (Valuation) พบว่า P/E ของตลาดหุ้นไทยแม้จะปรับตัวลงมาแล้ว แต่ก็ยังคงสูงกว่าตลาดหุ้นอื่น ๆ ในภูมิภาค อีกทั้งตลาดยังไม่มีปัจจัยสนับสนุนใหม่ ๆ ที่จะทำให้ EPS กลับมาโตโดดเด่นได้อีกครั้ง ทำให้ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยจึงไม่ใช่ตลาดหุ้นที่ได้รับความสนใจจากเม็ดเงินลงทุนต่างประเทศ (Foreign Fund Flows) ในทางกลับกัน นักลงทุนต่างประเทศเลือกที่จะนำเงินไปพักในตราสารหนี้เป็นลำดับแรก เพื่อรอจังหวะที่ดีในการลงทุน ควบคู่ไปกับการสร้างผลตอบแทนบนความเสี่ยงที่ต่ำกว่า

นายยศกร ฟอลเล็ต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็กซ์สปริง จำกัด หรือ XSpring AM เปิดเผยว่า ปี 2567 ถือเป็นปีแห่งการพลิกฟื้นธุรกิจ ทำให้มีรายได้รวม 190 ล้านบาท เติบโต 64% และมีกำไร 14 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 192% จากปี 2566 ที่มีรายได้ 116 ล้านบาท และมีผลขาดทุน 15 ล้านบาท โดยรายได้ส่วนใหญ่มาจากธุรกิจการเป็นนายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน (LBDU) และธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลที่เติบโตขึ้นกว่า 28% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
โดยไฮไลท์สำคัญของปีที่ผ่านมา บริษัทได้เสนอขายกองทุนเปิดเอ็กซ์สปริง ไพรเวทอิควิตี้ โครงสร้างพื้นฐานทั่วโลก ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย (UI) ซึ่งเป็นความร่วมมือกับทาง Macquarie Asset Management บริษัทผู้นำด้านการจัดการสินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐานระดับโลก ซึ่งมีประสบการณ์การบริหารจัดการสินทรัพย์ประเภทดังกล่าวมากว่า 30 ปี ทั้งนี้ ยังถือเป็นการเปิดเสนอขายกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานทั่วโลกของทาง Macquarie Asset Management เป็นครั้งแรกในประเทศไทย
ท่ามกลางความท้าทายในปี 2568 XSpring AM มั่นใจว่าจะขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตได้ตามเป้าหมาย โดยสร้างมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) ให้เติบโตเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดสู่ 15,000 ล้านบาท จาก 6,600 ล้านบาท ในปี 2567 แบ่งเป็นกองทุนส่วนบุคคล 4,400 ล้านบาท และกองทุนรวมอีก 4,000 ล้านบาท ส่วนธุรกิจนายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน (LBDU) คาดว่าปีนี้จะเห็นเม็ดเงินภายใต้การบริหารเพิ่มมากขึ้น แตะระดับ 3,400 ล้านบาท จากปีก่อนหน้าที่อยู่ราว 2,820 ล้านบาท ทั้งนี้ ในปี 2568 ตั้งเป้ารายได้ที่ 260 ล้านบาท ซึ่งจะมุ่งเน้นการออกกองทุนร่วมกับบริษัทจัดการกองทุนชั้นนำในต่างประเทศด้วยกลยุทธ์การลงทุนที่หลากหลาย โดยมีแผนออกกองทุนใหม่อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี พร้อมรักษาการลงทุนในกองทุนส่วนบุคคลด้วยการลงทุนตรงในโครงการอสังหาริมทรัพย์
โดยในเดือนนี้ XSpring AM เตรียมเปิดตัว กองทุนรวมตราสารหนี้ประเภทเทอมฟันด์ X-FIXED6M1R Rollover ทุก 6 เดือน เปิดให้จองซื้อ (IPO) ระหว่างวันที่ 10 - 17 มีนาคม 2568 และเริ่มลงทุนในวันที่ 18 - 19 มีนาคม 2568 สำหรับนักลงทุนสถาบัน นักลงทุนรายใหญ่ และนักลงทุนรายใหญ่พิเศษเท่านั้น
สำหรับทิศทางการลงทุนในปี 2568 XSpring AM มองว่า ความไม่แน่นอนในตลาดทุน และตลาดเงิน อันเนื่องมาจากผลกระทบของนโยบายทรัมป์ 2.0 เป็นแรงส่งให้เกิดความผันผวนของตลาด และสะท้อนภาพความเปราะบางของตลาดหุ้นทั่วโลก รวมถึงตลาดหุ้นไทยที่ยังมีความไม่แน่นอน แม้ กนง. มีมติลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% จาก 2.25% เป็น 2.00% ต่อปี ในการประชุมครั้งล่าสุด ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้ไทย แต่ในเชิงเทคนิคดัชนีหุ้นไทยยังมีโอกาสปรับลดลงมาอยู่ในกรอบ 1,150 – 1,220 จุด มีแนวรับอยู่ที่ 1,160 จุด แม้จะปรับตัวลงมาแล้วกว่า - 13.73% ตั้งแต่ต้นปีก็ตาม
ทั้งนี้หากพิจารณาในเชิงมูลค่า (Valuation) พบว่า P/E ของตลาดหุ้นไทยแม้จะปรับตัวลงมาแล้ว แต่ก็ยังคงสูงกว่าตลาดหุ้นอื่น ๆ ในภูมิภาค อีกทั้งตลาดยังไม่มีปัจจัยสนับสนุนใหม่ ๆ ที่จะทำให้ EPS กลับมาโตโดดเด่นได้อีกครั้ง ทำให้ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยจึงไม่ใช่ตลาดหุ้นที่ได้รับความสนใจจากเม็ดเงินลงทุนต่างประเทศ (Foreign Fund Flows) ในทางกลับกัน นักลงทุนต่างประเทศเลือกที่จะนำเงินไปพักในตราสารหนี้เป็นลำดับแรก เพื่อรอจังหวะที่ดีในการลงทุน ควบคู่ไปกับการสร้างผลตอบแทนบนความเสี่ยงที่ต่ำกว่า