จับประเด็นหุ้นเด่น
รายงานพิเศษ : MENA ปีนี้ทำสถิติสูงสุด สอดรับอุตสาหกรรมก่อสร้างฟื้น การลงทุนของภาครัฐ-เอกชนขยายตัว
06 มีนาคม 2568
เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และการลงทุนของภาครัฐซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมทั้งสนับสนุนการลงทุนการก่อสร้างและผลงานของ บมจ.มีนาทรานสปอร์ต (MENA) ผู้ให้บริการขนส่งสินค้าและให้บริการขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จ

สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) คาดการณ์ว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะส่งผลให้ GDP ภาคการผลิตในปี 2568 ขยายตัวเพิ่มขึ้น 0.1% เมื่อเทียบกับกรณีที่ ธปท.ไม่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
ซึ่งการประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของกนง. จาก 2.25% เหลือ 2% คาดว่าจะทำให้ผู้ประกอบการในภาคการผลิตไทยได้รับอานิสงส์ โดยเฉพาะในด้านของการลงทุน และการขยายตัวของธุรกิจ ที่มีต้นทุนทางการเงินที่ถูกลง ส่งผลให้มีแรงจูงใจในการลงทุนในโครงการต่างเพิ่มมากขึ้น
ขณะที่ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผย ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือนม.ค.68 อยู่ที่ 59.0 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 57.9 ในเดือนธ.ค.67 โดยปรับตัวเพิ่มต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 และถือว่าอยู่ในระดับที่สูงสุดในรอบ 8 เดือน นับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 67
การปรับเพิ่มขึ้นของดัชนีความเชื่อมั่นฯ เป็นผลจากผู้บริโภคเริ่มเห็นว่า มาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ช่วยผ่อนคลายให้สถานการณ์เศรษฐกิจเริ่มปรับตัวดีขึ้น และการท่องเที่ยวในประเทศเริ่มปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง
ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวม อยู่ที่ 52.6 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสในการหางาน อยู่ที่ 56.2 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต อยู่ที่ 68.1 โดยดัชนีความเชื่อมั่นฯ ทุกตัว ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 นับตั้งแต่ต.ค. 67
การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ช่วยกระตุ้นการลงทุนที่ซบเซาให้ขยายตัวดีขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อ บมจ.มีนาทรานสปอร์ต (MENA) โดยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “สุวรรณา ขจรวุฒิเดช” ระบุว่า ทิศทางธุรกิจและผลการดำเนินงานในปี 68 คาดว่าจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่องจากปี 67 จากธุรกิจโลจิสติกส์มีแนวโน้มเติบโตได้ดี
โดยเฉพาะธุรกิจให้บริการรถมิกเซอร์ที่มีโอกาสเติบโตสูงจากอุตสาหกรรมก่อสร้างฟื้นตัวขานรับการขยายตัวของการลงทุนของภาครัฐและเอกชน ซึ่งบริษัทฯ ตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ปีนี้ไม่ต่ำกว่า 10% สร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้รถ (Utilization) จาก Fleet ที่มีอยู่
ส่วนแนวโน้มอุตสาหกรรมการก่อสร้างปีนี้ เชื่อว่าจะดีกว่าปีก่อน โดยเฉพาะการลงทุนของภาครัฐที่เริ่มส่งสัญญาณปรับตัวเพิ่มขึ้น ประกอบกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วงขาลง และภาคอุปโภคและบริโภคที่ยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ขณะที่ TDM มีแผนในการขยาย Fleet รถเป็นจำนวนมาก เพื่อรองรับการขยายสาขาของ CJ ดังนั้นธุรกิจโลจิสติกส์ คาดว่าน่าจะสดใสในทิศทางเดียวกัน

สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) คาดการณ์ว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะส่งผลให้ GDP ภาคการผลิตในปี 2568 ขยายตัวเพิ่มขึ้น 0.1% เมื่อเทียบกับกรณีที่ ธปท.ไม่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
ซึ่งการประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของกนง. จาก 2.25% เหลือ 2% คาดว่าจะทำให้ผู้ประกอบการในภาคการผลิตไทยได้รับอานิสงส์ โดยเฉพาะในด้านของการลงทุน และการขยายตัวของธุรกิจ ที่มีต้นทุนทางการเงินที่ถูกลง ส่งผลให้มีแรงจูงใจในการลงทุนในโครงการต่างเพิ่มมากขึ้น
ขณะที่ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผย ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือนม.ค.68 อยู่ที่ 59.0 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 57.9 ในเดือนธ.ค.67 โดยปรับตัวเพิ่มต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 และถือว่าอยู่ในระดับที่สูงสุดในรอบ 8 เดือน นับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 67
การปรับเพิ่มขึ้นของดัชนีความเชื่อมั่นฯ เป็นผลจากผู้บริโภคเริ่มเห็นว่า มาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ช่วยผ่อนคลายให้สถานการณ์เศรษฐกิจเริ่มปรับตัวดีขึ้น และการท่องเที่ยวในประเทศเริ่มปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง
ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวม อยู่ที่ 52.6 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสในการหางาน อยู่ที่ 56.2 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต อยู่ที่ 68.1 โดยดัชนีความเชื่อมั่นฯ ทุกตัว ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 นับตั้งแต่ต.ค. 67
การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ช่วยกระตุ้นการลงทุนที่ซบเซาให้ขยายตัวดีขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อ บมจ.มีนาทรานสปอร์ต (MENA) โดยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “สุวรรณา ขจรวุฒิเดช” ระบุว่า ทิศทางธุรกิจและผลการดำเนินงานในปี 68 คาดว่าจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่องจากปี 67 จากธุรกิจโลจิสติกส์มีแนวโน้มเติบโตได้ดี
โดยเฉพาะธุรกิจให้บริการรถมิกเซอร์ที่มีโอกาสเติบโตสูงจากอุตสาหกรรมก่อสร้างฟื้นตัวขานรับการขยายตัวของการลงทุนของภาครัฐและเอกชน ซึ่งบริษัทฯ ตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ปีนี้ไม่ต่ำกว่า 10% สร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้รถ (Utilization) จาก Fleet ที่มีอยู่
ส่วนแนวโน้มอุตสาหกรรมการก่อสร้างปีนี้ เชื่อว่าจะดีกว่าปีก่อน โดยเฉพาะการลงทุนของภาครัฐที่เริ่มส่งสัญญาณปรับตัวเพิ่มขึ้น ประกอบกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วงขาลง และภาคอุปโภคและบริโภคที่ยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ขณะที่ TDM มีแผนในการขยาย Fleet รถเป็นจำนวนมาก เพื่อรองรับการขยายสาขาของ CJ ดังนั้นธุรกิจโลจิสติกส์ คาดว่าน่าจะสดใสในทิศทางเดียวกัน