Mr.Data
ตลาดหุ้นไทยในวันที่สิ้นหวังและไร้ความเชื่อมั่น แม้จะพยายามเข็นให้ข้ามแนวต้าน 1,200 จุด มาแล้ว 3 รอบ แต่ก็ไม่สามารถทานทนไหว
...ตั้งแต่ต้นปี SET Index อยู่แถวๆ 1,400 จุด ล่าสุด 6 มี.ค.68 อยู่ที่ 1,189.55 จุด ลดลง 13.80% นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิกว่า 2.3 หมื่นล้านบาท
หลักใหญ่ที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยดำดิ่งลงต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ครองตำแหน่งตลาดหุ้นที่ผลตอบแทนแย่ที่สุดในโลก
...เริ่มจากปัจจัยภายในประเทศ มาจากปัญหาความเชื่อมั่น และปัญหาธรรมาภิบาลของบริษัทจดทะเบียนไม่ว่าจะเป็นปัญหาผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ การไซฟ่อนเงินของผู้บริหารบจ. ที่ทำลายความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติและนักลงทุนไทย
ปัญหาการเมืองในประเทศที่ขาดเสถียรภาพ เศรษฐกิจไทยโตต่ำกว่าศักยภาพ ฟื้นตัวช้า และผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนต่ำกว่าที่คาดการณ์
ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศ สถานการณ์เศรษฐกิจโลกชะลอตัว สงครามการค้า หลัง "ทรัมป์" เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ เปิดฉากกำแพงภาษีทั่วโลก เพื่อแก้ปัญหาขาดดุลการค้า รวมไปถึงความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์
...ล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยที่กดรั้งตลาดหุ้นไทย
แม้จะมีความพยายามฟื้นความเชื่อมั่นนักลงทุน ผ่านการออกมาตรการต่างๆ ของตลาดหลักทรัพย์ฯ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แต่ก็ยังไม่สามารถเรียกความเชื่อมั่นนักลงทุนไทย และต่างชาติ ได้ในเวลานี้
ขณะที่กองทุนวายุภักษ์1 ที่เป็นความหวัง "พลิกฟื้น" ตลาดหุ้นไทย ซึ่งได้มีการระดมทุนและจัดตั้ง และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ มูลค่ากว่า 1.5 แสนล้านบาท บริหารจัดการโดย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน)
โดยกองทุนวายุภักษ์1 เข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์ฯ วันที่ 4 ต.ค.67 SET Index อยู่ที่ 1,444.25 จุด ล่าสุด วันที่ 6 มี.ค.68 SET Index อยู่ที่ 1,189.55 จุด
นั่นหมายความว่า นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนวายุภักษ์ 1 SET Index ลดลง ไปแล้วกว่า 254.7 จุด ลดลง 21.44%
ถือเป็นโจทย์ที่ท้าท้ายฝีมือการบริหารของ บลจ.กรุงไทย และบลจ.เอ็มเอฟซี เป็นอย่างยิ่ง เพราะการบริหารกองทุนในเวลานี้ ไม่ใช่เรื่องหมู แม้จะมีเงินเย็น 10 ปี ให้บริหาร ไม่มีแรงกดดันว่านักลงทุนจะไถ่ถอนก่อนกำหนด
...สัปดาห์นี้ Mr.Data ชวนมาส่องพอร์ตหุ้นตัวท็อปที่กองทุนวายุภักษ์1 เข้าถือ อย่าง บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) (DELTA)
เจ้าของฉายา "เดอะแบก" ตลาดหุ้นไทย แต่พักหลังเริ่มจะกลายเป็นหุ้นที่ "ทิ้งบอมบ์" ซะมากกว่า หลังผลประกอบการในปี 67 ออกมาน่าผิดหวัง
โดยในไตรมาส 4/67 DELTA มีกำไรสุทธิ 2,155 ล้านบาท -54% y-y และ -63% q-q ต่ำกว่าคาดอย่างมีนัยสำคัญจากต้นทุนขายเพิ่ม-ค่าใช้จ่ายเพิ่ม และภาษีจ่ายเพิ่ม ยอดขายรวม 1,199 ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น 17% y-y แต่หด -2% q-q เมื่อเทียบเป็นเงินบาทจะเท่ากับ 41,062 ล้านบาท เติบโต +10% y-y แต่ -3% q-q
จากข้อมูลพบว่า กองทุนวายุภักษ์1 ทยอยเก็บหุ้น DELTA ณ วันที่ 30 ธันวาคม 2567 ถือ 60.8 ล้านหุ้น มูลค่ารวม 9.2 พันล้านบาท (ณ ราคาปิด DELTA วันที่ 30 ธ.ค.67 อยู่ที่ 152.50 บาท)
ล่าสุด 28 ก.พ.68 กองทุนวายุภักษ์หนึ่ง ถือ DELTA เพิ่มเป็น 111.17 ล้านหุ้น ขึ้นแท่นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 9 คิดเป็นสัดส่วน 0.89%
...หากดูราคาย้อนหลัง DELTA จะพบว่า ในช่วงเดือนต.ค.67 ราคาจะอยู่แถว 107 บาท ก่อนที่จะลากไปทำจุดสูงสุดแถว 173.50 บาท ในวันที่ 20 พ.ย.67 ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ก่อนทิ้งดิ่ง และทำจุดต่ำสุดในรอบ 6 เดือน ในวันที่ 4 มี.ค.67 ที่ 70 บาท
จากข้อมูลของสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน IAA Concensus ให้ราคาเป้าหมายปี 68 DELTA ราคาเป้าหมายต่ำสุดอยู่ที่ 60 บาท ราคาเป้าหมายสูงสุด 119 บาท และราคาเป้าหมายเฉลี่ยอยู่ที่ 82.40 บาท
ขณะที่ราคาปิด DELTA ในวันที่ 6 มี.ค.67 อยู่ที่ 77.50 บาท คิดเป็น P/E 51.05 เท่า
ส่วน บล.ยูโอบีเคย์เฮียน แนะนำ "ขาย" DELTA ราคาเป้าหมาย 75 บาท คาดว่ารายได้ของ DELTA จะเติบโต 12% ในปี 68 แรงหนุนจากผลิตภัณฑ์ AI และ Data Centre อัตรากำไรขั้นต้นคาดว่าจะอยู่ที่ 24.9% ซึ่งเพิ่มขึ้นเล็กน้อย yoy จากผลของอัตราแลกเปลี่ยน, product mix, และการตั้งสำรองการรับประกัน ค่าใช้จ่าย SG&A ต่อรายได้อาจถูกกดดันจากค่าลิขสิทธิ์, การวิจัยและพัฒนา, และค่าธรรมเนียมทางกฎหมาย
ด้าน บล.บัวหลวง แนะนำ "wait-and-see" โดยประเมินว่าระยะสั้นราคาหุ้นน่าจะพักตัวในกรอบ 70-90 บาท (เดิมเราประเมินหากกำไร 4Q24 ไม่ทำ New high ราคาจะลงมาที่ 80 บาท) อิง Valuation ในอดีตที่ 45-55 เท่า ซึ่งเป็นจุดพักตัวในช่วงกำไรอ่อนตัวลงก่อนหน้า
นอกจากนี้ ยังมองว่าราคาที่ปรับตัวลดลงเป็นการ "พักสร้างฐานใหม่" โดยมองว่าภาพรวมปี 68 จะได้แรงหนุนจากกลุ่ม Data center และ AI แต่คาด กลุ่ม EV การเติบโตจะชะลอตัวลง ประเมินกรอบกำไรปี 68 ที่ 2 หมื่นล้านบาท เติบโตแค่ 6% YoY ซึ่งถือว่าเป็นกรอบล่างเทียบเป้าหมายของบริษัท
ทั้งนี้ สำหรับเป้าหมายบริษัทประเมินรายได้เติบโต 10-15% YoY (ทิศทางเดียวกับปี 67 แต่ความท้าทายมากขึ้น) GM ที่ 25% และ SG&A/sales ที่ 13% โดยรวมจะคิดเป็นกำไรราว 2-2.1 หมื่นล้านบาท เติบโต 6-11% YoY
...ดูแล้ว กองทุนวายุภักษ์หนึ่ง เริ่มออกอาการสะบักสะบอม ไม่ต่างจากนักลงทุนรายย่อยที่หลงเข้าไปติดดอย DELTA