"กองทุนวายุภักษ์หนึ่ง" ลุยซื้อบิ๊กแคป เพิ่มสัดส่วนเท่าตัว เน้น ADVANC-INTUCH ดอดตุน OR รวดเดียว 36.48 ล้านหุ้น
ภาพรวมตลาดหุ้นไทย ยังไม่มีปัจจัยที่น่าดึงดูดให้เข้าลงทุน โดยดัชนีหุ้นยังคงปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง และหุ้นขนาดใหญ่ก็เป็นหนึ่งในหุ้นที่ถูกแรงขายกระหน่ำ
ทั้งนี้ จากการรวบรวมข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พบว่าในเดือนก.พ. 2568 กองทุนรวมวายุภักษ์หนึ่ง ได้ซื้อหุ้นขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อนำโครงสร้างผู้ถือหุ้นล่าสุด มาเปรียบเทียบกับการปิดสมุดทะเบียนรายชื่อผู้ถือหุ้นในครั้งก่อน
โดยเฉพาะหุ้น ADVANC พบว่า กองทุนดังกล่าวได้มีการเพิ่มสัดส่วนมากขึ้นกว่าเท่าตัว ซึ่งล่าสุดถือหุ้นจำนวน 58,102,300 หุ้นคิดเป็น 1.95% จากเดิมถือหุ้น 17,800,000 หุ้น คิดเป็น 0.60%
ถือหุ้น INTUCH 57,984,400 หุ้น คิดเป็น 1.81% จากเดิมที่เคยถือหุ้น 55,784,400 หุ้น คิดเป็น 1.74 % ถือหุ้น SCC 14,510,400 หุ้น คิดเป็น 1.21 %จากเดิมถือหุ้น 6,200,000 หุ้น คิดเป็น 0.52% ถือหุ้น SCGP 65,600,058 หุ้น คิดเป็น 1.53%จากเดิมถือหุ้น 22,200,000 หุ้น คิดเป็น 0.52%
รวมทั้งยังพบว่า กองทุนรวมวายุภักษ์หนึ่ง ได้โผล่ถือหุ้น OR จำนวน 36,489,514 หุ้นคิดเป็น 0.30% จากเดิมที่ไม่ปรากฎรายชื่อการเป็นผู้ถือหุ้น
ขณะที่รักษาสัดส่วนการถือครองหุ้น GULF ล่าสุดถือหุ้น 224,781,350หุ้นคิดเป็น 1.92% และTIDLOR 18,119,366 หุ้นคิดเป็น 0.62%
บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ระบุว่าคงคำแนะนำ “ซื้อ” ADVANC ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเล็กน้อยเป็น 312 บาท เพราะ การเติบโตของกำไรหลักปี 68 ที่ 12% และ อัตราเงินปันผล 4-5% ในปี 68-69 เราได้ปรับราคาเป้าหมาย (DCF-based TP) ขึ้นเป็น 312 บาท (WACC 7.4%, TG 2.0%) จากเดิม 307 บาท หลังจากปรับประมาณการกำไรหลักปี 68-70 ขึ้น 1-2% เราคาดว่า ADVANC ไม่น่าจะกว้านซื้อคลื่นความถี่เกินความจำเป็นในการประมูลในช่วง 2Q68 เนื่องจากจะขัดกับเป้าหมายของ GULF ที่ต้องการเงินปันผลจาก ADVANC ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ปรับประมาณการกำไรหลักปี 68-70 ขึ้น 1-2%
เราได้ปรับประมาณการกำไรหลักปี 68-70 ขึ้น 1-2% เนื่องจากปรับคาดการณ์รายได้จากการให้บริการหลักเพิ่มขึ้นประมาณ 1% ในแต่ละปี โดยประมาณการใหม่ของเราให้การเติบโตของรายได้จากธุรกิจมือถือปี 68 ที่ 2.7% ซึ่งสอดคล้องกับมุมมองของทางเมย์แบงก์ที่คาดว่า GDP ปีนี้จะเติบโต 2.7% ซึ่งเราประเมินว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจน่าจะช่วยหนุนการเติมเงินในระบบพรีเพดเพิ่มขึ้น จากการใช้อินเตอร์เน็ตที่เพิ่มขึ้นและโอกาสในการขายต่อยอดมากขึ้น ขณะที่เราคาดว่ากำไรหลักปี 68 จะเติบโต 12% ได้แรงหนุนจากการเติบโตของรายได้ 4.6% การประหยัดต้นทุนค่าคลื่น การรับรู้กำไรจากการขายโทรศัพท์ที่เพิ่มขึ้น และดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลง
คาดรายได้เฉลี่ยต่อปีเติบโตที่ 3.8% CAGR ในช่วง 3 ปีข้างหน้า
เราคาดว่าการเติบโตของรายได้ปี 67-70 ที่ระดับ 3.8% CAGR โดยได้รับแรงหนุนจากอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ของรายได้มือถือ/อินเทอร์เน็ตบ้าน (FBB)/กลุ่มลูกค้าองค์กรที่ 2.4%/6.8%/11.6% ตามลำดับ โดยรายได้จาก FBB คาดว่าจะเติบโตสูงกว่ารายได้มือถือ เนื่องจากจำนวนผู้ใช้บริการ FBB ยังคงเติบโตได้ โดยอัตรา FBB household penetration ใน 3Q67 อยู่ที่เพียง 45% เทียบกับอัตราการใช้บริการมือถือ (จำนวนซิมการ์ดต่อจำนวนประชากร) ที่มากกว่า 130% ในขณะที่รายได้กลุ่มลูกค้าองค์กรคาดว่าจะเติบโตที่ 11.6% CAGR โดยได้แรงหนุนจากการเชื่อมต่อ EDS ที่เพิ่มขึ้น (คิดเป็นประมาณ 70% ของรายได้ลูกค้าองค์กรในปี 67) และ ยอดขายโซลูชันคลาวด์ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์ของ Oracle
ความเสี่ยงที่ ADVANC จะกว้านซื้อคลื่นความถี่มีน้อย
นักลงทุนบางส่วนกังวลว่า ADVANC ซึ่งมีงบดุลแข็งแกร่ง อาจชนะใบอนุญาตคลื่น 2300MHz และ/หรือ 2100MHz มาจาก TRUE เพื่อเพิ่มคลื่นความถี่ในย่านกลาง (mid-band spectrum)และทำให้ TRUE เสียเปรียบในการแข่งขัน อย่างไรก็ตาม เรามองว่า สถานการณ์นี้ไม่น่าจะเกิดขึ้น ด้วยเหตุผลหลัก 2 ข้อ 1) การกว้านซื้อคลื่นเกินความจำเป็นจะขัดกับเป้าหมายของ GULF ในการเพิ่มรายได้จากเงินปันผลของ ADVANC 2) ADVANC ตระหนักดีว่าหากความแตกต่างด้านคุณภาพเครือข่ายมีมากเกินไป (ทำให้เครือข่ายของ TRUE แย่กว่าของ ADVANC อย่างมีนัยสำคัญ) อาจทำให้ TRUE ต้องเปิดศึกสงครามราคามือถือ