เรื่องเด่นวันนี้

ผู้บริหาร MENA ลุยซื้อบิ๊กล็อต จำนวน 10 ล้านหุ้น หลังมั่นใจศักยภาพธุรกิจ ลั่นปี 68 สดใส รายได้ทำออลไทม์ไฮ


10 มีนาคม 2568

บมจ.มีนาทรานสปอร์ต (MENA) รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในส่วนของ การทำรายการซื้อหุ้นของ นายณัฐพล ขจรวุฒิเดช ในฐานะกรรมการและผู้ถือหุ้นใหญ่ ทำรายการซื้อหุ้นบิ๊กล็อตจำนวน 10 ล้านหุ้น จาก UOB KAY HIAN PRIVATE LIMITED (ผู้ดูแลทรัพย์สินให้กับ Capital Asia Investments Pte. Ltd.  บริษัทจัดการกองทุน) ในราคา 1.00 บาทต่อหุ้น สะท้อนความเชื่อมั่นการดำเนินธุรกิจที่มีศักยภาพเติบโตได้ต่อเนื่อง เพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ถือหุ้น หลังราคาหุ้นต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานที่แท้จริง 

ผู้บริหาร MENA  ลุยซื้อบิ๊กล็อต_S2T (เว็บ)_0.jpg

ฟาก “สุวรรณา ขจรวุฒิเดช” มั่นใจภาพรวมผลการดำเนินปี 68 ยังสดใสและเติบโตต่อเนื่อง ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โตไม่ต่ำกว่า 10% ออลไทม์ไฮ รับอานิสงส์ธุรกิจโลจิสติกส์ทุกประเภทขยายตัว และภาคอุปโภคและบริโภคยังเติบโต รวมถึง TDM ลุยขยาย Fleet รถจำนวนมากเพื่อรองรับการขยายสาขาของ CJ  

นางสุวรรณา ขจรวุฒิเดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มีนาทรานสปอร์ต จำกัด (มหาชน) (MENA) ผู้นำธุรกิจให้บริการขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จด้วยรถมิกเซอร์ (Mixer) และรถเทรลเลอร์ (Trailer) รายใหญ่ของประเทศ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่  7 มีนาคมที่ผ่านมา นายณัฐพล ขจรวุฒิเดช กรรมการบริษัทและผู้ถือหุ้นใหญ่ได้ทำรายการซื้อหุ้น MENA ผ่านระบบการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์บนกระดานใหญ่ (Big Lot)  จำนวน 10  ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 1.36%  ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด ในราคาหุ้นละ 1.00 บาท คิดเป็นมูลค่ารวม 10 ล้านบาท โดยทำรายการซื้อจาก UOB KAY HIAN PRIVATE LIMITED (ผู้ดูแลทรัพย์สินให้กับ Capital Asia Investments Pte. Ltd.  บริษัทจัดการกองทุน)

ทั้งนี้เพื่อเสริมความเชื่อมั่นให้กับกลุ่มผู้ถือหุ้นและนักลงทุนทั่วไป  และมีความเชื่อมั่นว่าธุรกิจโดยรวมของบริษัทฯ ยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง สามารถดำเนินธุรกิจได้ตามเป้าหมายทุกอย่างตามพันธกิจที่วางไว้   ซึ่งการที่ราคาหุ้น MENA ปรับตัวลดลงเป็นผลมาจากภาวะตลาดที่ไม่เอื้ออำนวย แต่หากพิจารณาจากปัจจัยพื้นฐาน และการเติบโตในอนาคตแล้ว จึงขอให้นักลงทุนเชื่อมั่นในศักยภาพและความมั่นคงของบริษัทในการสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่นักลงทุนในระยะยาว

สำหรับทิศทางธุรกิจและผลการดำเนินงานในปี 2568 คาดว่าจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่องจากปี 2567  จากธุรกิจโลจิสติกส์มีแนวโน้มเติบโตได้ดี โดยเฉพาะธุรกิจให้บริการรถมิกเซอร์ที่มีโอกาสเติบโตสูงจากอุตสาหกรรมก่อสร้างฟื้นตัวขานรับการขยายตัวของการลงทุนของภาครัฐและเอกชน 

รวมถึงการขยายตัวของธุรกิจขนส่งสินค้าทุกประเภททั้งซีเมนต์ คอนกรีต สินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าเฉพาะทาง และสินค้าควบคุมอุณหภูมิ และยังรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมทุน บริษัท ทีดี เอ็มลอจิสติกส์ จำกัด (TDM) ที่ได้รับปัจจัยหนุนจากการขยาย Fleet รถรองรับปริมาณงานที่จะเพิ่มขึ้นจากการขยายสาขาของบริษัท ซี.เจ. เอ็กซ์เพรส กรุ๊ป (CJ)

นอกจากนี้ยังเชื่อว่าแนวโน้มอุตสาหกรรมการก่อสร้างปีนี้จะดีกว่าปีก่อน โดยเฉพาะการลงทุนของภาครัฐที่เริ่มส่งสัญญาณปรับตัวเพิ่มขึ้น ประกอบกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วงขาลง และภาคอุปโภคและบริโภคที่ยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง   ทำให้บริษัทฯ มั่นใจว่าการเติบโตของรายได้ปีนี้ไม่ต่ำกว่า 10% สร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง  ซึ่งได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้รถ (Utilization) จาก Fleet ที่มีอยู่