โบรกฯ ดับฝัน DELTA ชี้ราคาหุ้นไม่กลับไปเกิน 100 บาท เหตุกำไรปี 68 เจอศึกหนัก

ราคาหุ้น บริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA ในวันนี้ ( 10 มี.ค. 68) ปรับตัวลดลงอย่างร้อนแรง หรือลดลงไปแล้วว่า 5% จากราคาปิดของวันก่อนหน้า

ล่าสุดมีมุมมองที่น่าจะใจจากนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่ได้ออกบทวิเคราะห์ Thailand Electronics โดยระหว่างวันที่ 3-6 มีนาคม ได้พบปะกับนักลงทุนสถาบัน 15 รายในมาเลเซียและสิงคโปร์ โดย 11 รายให้ความสนใจในหุ้นกลุ่ม ETRON ไทย นักลงทุนส่วนใหญ่มีมุมมองเชิงลบต่อกลุ่มนี้ เนื่องจากผลประกอบการ ไตรมาส 4/67 ที่อ่อนแอและแนวโน้มปี 68 ที่ไม่สดใส

โดยในส่วนของ DELTA  ยังคงอยู่ในความสนใจของนักลงทุน โดยผู้จัดการกองทุนหลายรายสอบถามว่า ราคาหุ้น DELTA มีโอกาสกลับไปสู่ระดับเดิมในปี 67 ( มากกว่า 100 บาท) หรือไม่ ซึ่งในมุมมองของฝ่ายวิจัยคาดว่าอาจเป็นเรื่องยากในระยะสั้น เนื่องจากคาดว่ากำไรหลักปี 68 ของ DELTA จะได้รับผลกระทบจาก 1. Global Minimum Tax ที่จะเพิ่มอัตราภาษีที่แท้จริงจากประมาณ 3% ในช่วงปี 62-67 เป็น 15% และ 2. ค่าใช้จ่ายด้านค่าลิขสิทธิ์ที่เพิ่มขึ้น

ทั้งนี้คงมุมมอง เท่าตลาด สำหรับกลุ่ม ETRON ไทย แม้ว่าแนวโน้มอุปสงค์ในปี 68 จะยังไม่น่าประทับใจ (ยกเว้นผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ AI/ศูนย์ข้อมูล) แต่มองว่ามูลค่าหุ้น (Valuation) ได้ปรับลดลงมาอย่างมาก และไม่น่าจะมีการลดลงอย่างมีนัยสำคัญอีกต่อไป 

ทั้งนี้ บริษัทส่วนใหญ่กำลังมุ่งเน้นไปที่การลดต้นทุนในปี 68 ซึ่งอาจช่วยชดเชยแรงกดดันจากอุปสงค์ได้ อย่างไรก็ตาม แนวโน้มราคาหุ้นจะขึ้นอยู่กับการฟื้นตัวของตลาดยานยนต์ตะวันตก และการคลี่คลายของสถานการณ์สงครามการค้าขณะเดียวกัน ประมาณการกำไรของ DELTA และ HANA มีดาวน์ไซด์เช่นกัน

ชู CCET เพียงตัวเดียวที่มีศักยภาพ

ส่วน CCET ยังคงเป็นหุ้นหน้าใหม่สำหรับนักลงทุนต่างชาติส่วนใหญ่ โดยน่าแปลกใจที่นักลงทุนจำนวนมากยังไม่รู้จัก CCET มากนัก ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าการปรับขึ้นของราคาหุ้นในปี 67 ส่วนใหญ่อาจเกิดจากแรงซื้อของนักลงทุนไทย 

อย่างไรก็ตาม นี่อาจเป็นปัจจัยบวกต่อ CCET หากบริษัทยังคงรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งและสามารถรักษาสถานะใน SET50 ได้ต่อไป ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติเริ่มให้ความสนใจมากขึ้น โดยฝ่ายวิจัยเน้นย้ำว่า CCET เป็นหุ้น ETRON ไทยเพียงตัวเดียวที่มีศักยภาพในการทำผลงานเหนือกว่าตลาดในปีนี้

โดยคาดว่ากำไรหลักของปี 68 จะเติบโต 15% สู่ระดับ 3.6 พันล้านบาท อย่างไรก็ตาม แนะนำให้นักลงทุนรอการประกาศรายได้เดือนกุมภาพันธ์ 68 (คาดการณ์วันที่ 10 มีนาคม) และการประชุมนักวิเคราะห์รายไตรมาส (14 มีนาคม) เพื่อยืนยันว่าแนวโน้มการเติบโตยังคงแข็งแกร่ง