รายงานพิเศษ : SUPER วางกลยุทธ์ ผนึกพันธมิตร ลุยพลังงานสะอาด เดินหน้าบุกตลาดในประเทศ-ตปท.”
กลยุทธ์การมีพันธมิตรเพื่อขยายธุรกิจเป็นโอกาสในการสร้างความแข็งแกร่ง ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการทำธุรกิจของ บมจ.ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น (SUPER) ซึ่งปี68 รายได้ยังเติบโตต่อเนื่อง รวมทั้งได้รับผลดีจาก PDP8 ของเวียดนาม
แนวทางการมีพันธมิตรทางธุรกิจ เป็นกลยุทธ์ที่มีข้อดี ที่จะช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้เร็วขึ้นและแข็งแกร่งขึ้น เช่น การเพิ่มโอกาสในการขยายตลาดไปยังพื้นที่ที่ไม่เคยเข้าถึงมาก่อนได้ง่ายขึ้น ช่วยให้แบรนด์เป็นที่รู้จักเร็วขึ้น
ช่วยลดความเสี่ยงทางธุรกิจ การร่วมมือกับพันธมิตรช่วยกระจายความเสี่ยงทางการเงินและการดำเนินงาน โดยเฉพาะในช่วงเศรษฐกิจไม่แน่นอน การเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ธุรกิจสามารถใช้จุดแข็งของพันธมิตรเพื่อเสริมจุดอ่อนของตนเอง ทำให้สามารถแข่งขันได้ดียิ่งขึ้น
รวมทั้งการเป็นพันธมิตรกับบริษัทที่มีชื่อเสียงช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ของคุณ ลูกค้าและนักลงทุนอาจให้ความไว้วางใจมากขึ้นเมื่อเห็นว่าคุณมีพันธมิตรที่แข็งแกร่ง และช่วยให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น เพราะนักลงทุนและสถาบันการเงินมักให้ความสนใจและเชื่อมั่นในธุรกิจที่มีพันธมิตรที่ดี ทำให้มีโอกาสได้รับเงินทุนเพิ่มขึ้น
ซึ่งการหาพันธมิตรเพื่อสร้างการเติบโตให้ธุรกิจเป็นสิ่งที่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น (SUPER) ให้ความสำคัญ
โดย “จอมทรัพย์ โลจายะ” ย้ำว่า บริษัทยังมีแผนขยายการลงทุนร่วมมือกับพันธมิตรอย่างต่อเนื่อง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและมีเสถียรภาพ ตอกย้ำความเป็นผู้เชี่ยวชาญบริหารงานโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน
โดยแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2568 บริษัทมั่นใจว่าจะเติบโตต่อเนื่อง มีความพร้อมพัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียนทุกรูปแบบทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ขณะที่รัฐบาลเวียดนามได้ส่งสัญญาณเชิงบวก เพื่อสนับสนุนแผนพัฒนาไฟฟ้าแห่งชาติเวียดนามฉบับที่ 8 (PDP8) ให้บรรลุเป้าหมายการลงทุนได้อย่างรวดเร็ว และเร่งรัดการลงทุนที่ค้างจาก PDP7 ให้สามารถจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ได้เร็วที่สุด โดยบริษัทฯมีโครงการวินด์ฟาร์มจำนวน 2 โปรเจค กำลังการผลิตรวม 171 เมกะวัตต์ ในประเทศเวียดนาม ได้แก่ โครงการ Soc Trang 30 เมกะวัตต์ คาดว่าจะทยอย COD ในไตรมาส 2/68 และโครงการ Bec Lieu 141 เมกะวัตต์ ทยอย COD รวมทั้งยังมีโครงการจำหน่ายไฟ้ฟ้าให้แก่ภาคเอกชน สนับสนุนการเติบโตในอนาคต
ส่วนผลการดำเนินงานในปี 2567 (สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.67) มีกำไรสุทธิ 1,311.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,212.66% เทียบปีก่อนขาดทุนสุทธิ 117.83 ล้านบาท ขณะที่กำไรก่อนหักภาษี ค่าเสื่อม และดอกเบี้ย ( EBIDTA) อยู่ที่ 9,631.14 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% เทียบปีก่อน สะท้อนความสามารถในการทำกำไรจากการดำเนินงาน และกำไรพิเศษจากการจำหน่ายเงินลงทุน
"ที่ผ่านมาเรามีการปรับโครงสร้างธุรกิจ บริหารต้นทุนอย่างระมัดระวัง ลดภาระดอกเบี้ย รวมทั้งดึงพันธมิตรเข้ามาลงทุน เสริมความแข็งแกร่งด้านการเงิน" นายจอมทรัพย์ กล่าว