รู้หรือไม่ TIDLOR แปลงร่างเป็น"โฮลดิ้งส์" ดียังไง? ปันผลเงินสดมากขึ้น-สร้าง New Growth

เห็นราคาหุ้น บมจ.ติดล้อ (TIDLOR) ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ปรับตัวลดลงกว่า 13.07% ลดลง 2.30 บาท (ณ ราคาปิดวันที่ 11 มี.ค.68 ที่ 15.30 บาท) P/E อยู่ที่ 10.54 เท่า Yield อยู่ที่ 2.86% โดยราคาหุ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 18.70 บาท และต่ำสุดที่ 14.60 บาท

แน่นอนว่าเกิดคำถามว่าเกิดอะไร?

ทั้งที่ปัจจัยพื้นฐาน TIDLOR ไม่ได้เปลี่ยน แนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2568 คาดเติบโตอย่างแข็งแกร่ง รายได้และกำไรมีโอกาสสร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง 

...เห็นได้ชัดจากข้อมูลผลการดำเนินงานย้อนหลัง 5 ปี (2563-2567) รายได้และกำไรของ TIDLOR ทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง โดยมีรายได้รวม 10,558.86 ล้านบาท 12,047.13 ล้านบาท 15,274.41 ล้านบาท 18,972.13 ล้านบาท และ 22,160.88 ล้านบาท ตามลำดับ

และมีกำไรสุทธิ 2,416.14 ล้านบาท 3,168.91 ล้านบาท 3,640.17 ล้านบาท 3,790.43 ล้านบาท และ 4,230.48 ล้านบาท ตามลำดับ 

ขณะที่กองทุนรวมวายุภักษ์1 ถือหุ้นใหญ่อันดับ 7 จำนวน 18.11 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 0.62%

...ที่สำคัญ TIDLOR กำลังจะแปลงร่างเป็น Tidlor Holdings ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญของการปรับโครงสร้างธุรกิจ รองรับแผนการเติบโต และสร้าง New Growth 

โดยจะทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของ TIDLOR ตัวเดิมที่ปัจจุบันซื้อขายในตลาด ด้วยการแลกหุ้นกับหุ้น TIDLOR ตัวใหม่ที่เป็น "โฮลดิ้ง คอมปานี" ในอัตรา 1:1 ซึ่งจะทำคำเสนอซื้อระหว่างวันที่ 10 มี.ค.-16 เม.ย. 2568 และคาดว่าหุ้น TIDLOR ตัวใหม่ที่เป็น "โฮลดิ้ง คอมปานี" จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในช่วงไตรมาส 2/2568 

ฝ่ายวิจัย บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) มองว่า การปรับโครงสร้างธุรกิจครั้งนี้ เพื่อบริษัทต้องการลดข้อจำกัดในการขยายธุรกิจ เนื่องจากปัจจุบัน TIDLOR มีสถานะเป็นนิติบุคคลต่างด้าว และดำเนินธุรกิจภายใต้ใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว  

โดยหลังจากจากเป็นโฮลดิ้ง คอมปานี บริษัทจะไม่อยู้ภายใต้เกณธ์ดังกล่าว ทำให้สามารถจ่ายปันผลเป็นเงินสดได้มากขึ้น เพื่อสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้น 

นอกจากนี้ TIDLOR จะมีการถ่ายโอนธุรกิจ  Insur Tech ของ TIDLOR เดิม ทั้ง Heygoody และ Areegator ให้กับบริษัทย่อยใหม่ของโฮลดิ้ง คอมปานี เพื่อลดข้อจำกัดในการขยายธุรกิจ รวมถึงมีโอกาสที่จะลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งล้วนแต่ส่งผลบวกต่อการเติบโตในอนาคตของTIDLOR

"การปรับโครงสร้างธุรกิจดังกล่าว จะช่วยให้ TIDLOR ได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากขึ้นในระยะยาว จากการเติบโตที่มีข้อจำกัดน้อยลง และการจ่ายปันผลเป็นเงินสดที่สูงขึ้น เพราะไม่ติดข้อจำกัดของใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว จึงแนะนำให้นักลงทุนตอบรับคำเสนอซื้อดังกล่าว" 

ราคาหุ้นปัจจุบันมี upside จากมูลค่าพื้นฐานเดิมปี 2568 ที่ 22 บาท และคาดเป็นหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของราคารถยนต์และรถบรรทุกมือสอง ช่วยลดผลขาดทุนจากการขายรถยึดและการตั้งสำรองในปี 2568 รวมถึงทิศทาง Bond Yield ที่ต่ำลง จากโอกาสในการปรับลดดอกเบี้ยของ กนง. จึงคงคำแนะนำ "ซื้อ" 

ส่วน บล.กสิกรไทย แนะนำ “ซื้อ” TIDLOR ให้ราคาเป้าหมาย 23 บาท โดยคาดการณ์ว่ากำไรของบริษัทในปี 2568 จะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง พร้อมทั้งมีศักยภาพในการจ่ายเงินปันผลสูงกว่า 30% ในระยะกลางถึงระยะยาว

...คงเห็นภาพชัดหลังแปลงร่างเป็นโฮลดิ้งส์ TIDLOR  จะกลายเป็น "เสือติดปีก" เพิ่มโอกาสการเติบโตทั้งในและต่างประเทศ สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นในอนาคต