Fund / Insurance
อลิอันซ์ อยุธยา จับมือ มหาวิทยาลัยมหิดล หาแนวทางสร้างความยั่งยืนให้ระบบสุขภาพไทย
12 มีนาคม 2568
อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต จับมือคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเวทีเสวนาระดับประเทศ Sustainability of Thailand’s Healthcare System Forum เชิญผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจากไทยและสิงคโปร์ ร่วมค้นหาแนวทางสร้างความยั่งยืนให้กับระบบสุขภาพไทย

คุณชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย กล่าวว่า “คนไทยทุกช่วงวัยให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพอย่างต่อเนื่อง แต่ความท้าทายสำคัญที่กำลังเกิดขึ้น คือ ประเทศไทยกำลังเผชิญหน้ากับเงินเฟ้อด้านการแพทย์ (Medical Inflation) ซึ่งจะส่งผลให้ค่าสินไหมสูงขึ้น จนทำให้ผู้ที่มีรายได้น้อย หรือ คนที่เพิ่งเริ่มต้นทำงาน เข้าถึงระบบประกันสุขภาพได้ยากขึ้น ดังนั้นเพื่อร่วมกันหาทางออกและนำไปสู่ระบบประกันสุขภาพที่ยั่งยืน จึงได้มีการจัดงานงานเสวนา Sustainability of Thailand’s Healthcare System Forum เพื่อให้วิทยากรจากภาคส่วนต่างๆ ได้มาร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองความรู้ต่างๆ”
นายชาลีน ลี หัวหน้าทีมด้านสุขภาพ เอเชียแปซิฟิค วิลลิส ทาวเวอร์ วัตสัน บริษัทตัวแทนประกันภัยระดับโลกและที่ปรึกษาด้านการจัดการความเสี่ยง ชี้ให้เห็นถึงปัจจัยที่ส่งผลต่อค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพในปัจจุบันและแนวโน้มในอนาคตอย่างน่าสนใจว่า ปัจจุบันภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กำลังเผชิญหน้ากับปัญหาเงินเฟ้อทางการแพทย์ ซึ่งอยู่ที่ 8-15% สูงกว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไป โดยปัจจัยหลักๆ มาจากการตระหนักเรื่องสุขภาพและความคาดหวังของผู้คน โดยเฉพาะหลังโควิด 19 ผู้คนตื่นตัวกับเรื่องสุขภาพมากขึ้น บวกกับการเข้าสู่สังคมสูงวัยของไทย จึงตามมาด้วยการเกิดโรคภัยต่างๆ ส่งผลให้จากจำนวนครั้งการ เคลมและมูลค่าการเคลมเพิ่มสูงขึ้น สวนทางกับภูมิภาคอื่นๆของโลกที่เพิ่มขึ้น
ดังนั้น เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับระบบประกันสุขภาพ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก จึงมีการนำแนวทางมีส่วนร่วมจ่าย (Co-payment) มาใช้ และเชื่อว่า Co-payment จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของการแก้ปัญหา Medical Inflation
ด้านนายแพทย์ธรธเนศ อายานะ ที่ปรึกษาคณะแพทย์ที่ปรึกษา สมาคมประกันชีวิตไทย บอกว่า Medical Inflation กำลังเป็นปัญหาใหญ่ และนำไปสู่การเพิ่มค่าสินไหม ทำให้นอกจากลูกค้ารายใหม่ๆ จะเข้าถึงการประกันสุขภาพได้ยากขึ้น และแม้จะมีการนำระบบ Co-Payment หรือ Deductible มาใช้ ก็อาจจะทำให้ลูกค้าเดิม ก็อาจจะจ่ายไม่ไหว สุดท้ายระบบก็ไม่ยั่งยืน เพราะด้วยคอนเซ็ปต์ของผลิตภัณฑ์ประกันภัยตอนนี้ที่เป็น Free For Service ทำให้ผู้เอาประกันใช้บริการแบบบุฟเฟต์ ทำให้เกิดการให้บริการทางการแพทย์เกินความจำเป็น
ซึ่งระบบ Co-Payment ให้ผู้เอาประกันร่วมจ่าย หรือ มีค่า Deductible เป็นเพียงหนึ่งในวิธีที่จะทำให้ผู้เอาประกันคิดเยอะขึ้น แต่ก็ยังไม่ใช่ทางออกที่ยั่งยืนที่สุด เพราะถ้าจะแก้ปัญหาต้องแก้ทั้งระบบ
ปิดท้ายที่ มร.โทมัส วิลสัน กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต ให้นิยามของคำว่า ระบบประกันสุขภาพที่ยั่งยืนว่า ต้องเป็นสิ่งที่ทุกคนเข้าถึงได้ อย่างต่อเนื่องไม่ใช่แค่ใน 2-3ปีอันใกล้ แต่ เรากำลังพูดถึงอนาคต 15-20 ปีข้างหน้า แต่ด้วยสถานการณ์ Medical Inflation ที่เป็นอยู่ขนาดนี้ จะทำให้สินไหมของประกันสูง จนคนทั่วไปเข้าถึงได้ยากขึ้น
และสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้ Medical Inflation สูง เพราะการเคลมที่มากเกินไป จากข้อมูลพบว่า เด็กไทย 0-10 ขวบ มีการอัตราการแอดมิดเข้าโรงพยาบาลที่มีจำนวนมาก และพักรักษารพ.ในจำนวนวันที่มากกว่าประเทศอื่น นอกจากนั้น จากข้อมูล มีการเคลมสูงขึ้นของโรคเกี่ยวกับกล้ามเนื้อ เช่น office syndrome ทั้งที่จริงๆแล้ว การเอาประกันควรสงวนไว้สำหรับโรคสำคัญๆ เช่น โรคหัวใจ โรคมะเร็ง ตอนนี้กลับถูกนำมาใช้ในจุดที่ไม่สำคัญ ซึ่งอาจมีการป้องกันได้ และสมมติว่า หากเราไม่มีการแก้ไขใดๆ ก็จะยิ่งทำให้ระบบสุขภาพในภาพรวมแย่ลง ยกตัวอย่าง ประกันกลุ่มลูกค้าเด็ก อายุต่ำกว่า 10 ปี ในปัจจุบัน ทุกบริษัท มีการเสนอเฉพาะแผนที่มีความรับผิดส่วนแรก Deductible ร่วมด้วย
“ถ้าปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป ภายใน 15 ปี ผมคิดว่า คนทั่วไปจะเข้าถึงประกันสุขภาพของบริษัทเอกชนได้ลดลง และต้องกลับไปพึ่งพาหลักประกันสุขภาพของรัฐหมด ทำให้ภาครัฐก็ต้องมาแบกรับภาระตรงนี้ แต่อย่างน้อยโชคดี ที่เราตื่นตัวกันตั้งแต่วันนี้ และกำลังหาวิธีรับมือ เพื่อนำไปสู่การร่วมมือกันของทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นลูกค้า โรงพยาบาล บริษัทประกัน รวมถึงภาครัฐ”

คุณชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย กล่าวว่า “คนไทยทุกช่วงวัยให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพอย่างต่อเนื่อง แต่ความท้าทายสำคัญที่กำลังเกิดขึ้น คือ ประเทศไทยกำลังเผชิญหน้ากับเงินเฟ้อด้านการแพทย์ (Medical Inflation) ซึ่งจะส่งผลให้ค่าสินไหมสูงขึ้น จนทำให้ผู้ที่มีรายได้น้อย หรือ คนที่เพิ่งเริ่มต้นทำงาน เข้าถึงระบบประกันสุขภาพได้ยากขึ้น ดังนั้นเพื่อร่วมกันหาทางออกและนำไปสู่ระบบประกันสุขภาพที่ยั่งยืน จึงได้มีการจัดงานงานเสวนา Sustainability of Thailand’s Healthcare System Forum เพื่อให้วิทยากรจากภาคส่วนต่างๆ ได้มาร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองความรู้ต่างๆ”
นายชาลีน ลี หัวหน้าทีมด้านสุขภาพ เอเชียแปซิฟิค วิลลิส ทาวเวอร์ วัตสัน บริษัทตัวแทนประกันภัยระดับโลกและที่ปรึกษาด้านการจัดการความเสี่ยง ชี้ให้เห็นถึงปัจจัยที่ส่งผลต่อค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพในปัจจุบันและแนวโน้มในอนาคตอย่างน่าสนใจว่า ปัจจุบันภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กำลังเผชิญหน้ากับปัญหาเงินเฟ้อทางการแพทย์ ซึ่งอยู่ที่ 8-15% สูงกว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไป โดยปัจจัยหลักๆ มาจากการตระหนักเรื่องสุขภาพและความคาดหวังของผู้คน โดยเฉพาะหลังโควิด 19 ผู้คนตื่นตัวกับเรื่องสุขภาพมากขึ้น บวกกับการเข้าสู่สังคมสูงวัยของไทย จึงตามมาด้วยการเกิดโรคภัยต่างๆ ส่งผลให้จากจำนวนครั้งการ เคลมและมูลค่าการเคลมเพิ่มสูงขึ้น สวนทางกับภูมิภาคอื่นๆของโลกที่เพิ่มขึ้น
ดังนั้น เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับระบบประกันสุขภาพ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก จึงมีการนำแนวทางมีส่วนร่วมจ่าย (Co-payment) มาใช้ และเชื่อว่า Co-payment จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของการแก้ปัญหา Medical Inflation
ด้านนายแพทย์ธรธเนศ อายานะ ที่ปรึกษาคณะแพทย์ที่ปรึกษา สมาคมประกันชีวิตไทย บอกว่า Medical Inflation กำลังเป็นปัญหาใหญ่ และนำไปสู่การเพิ่มค่าสินไหม ทำให้นอกจากลูกค้ารายใหม่ๆ จะเข้าถึงการประกันสุขภาพได้ยากขึ้น และแม้จะมีการนำระบบ Co-Payment หรือ Deductible มาใช้ ก็อาจจะทำให้ลูกค้าเดิม ก็อาจจะจ่ายไม่ไหว สุดท้ายระบบก็ไม่ยั่งยืน เพราะด้วยคอนเซ็ปต์ของผลิตภัณฑ์ประกันภัยตอนนี้ที่เป็น Free For Service ทำให้ผู้เอาประกันใช้บริการแบบบุฟเฟต์ ทำให้เกิดการให้บริการทางการแพทย์เกินความจำเป็น
ซึ่งระบบ Co-Payment ให้ผู้เอาประกันร่วมจ่าย หรือ มีค่า Deductible เป็นเพียงหนึ่งในวิธีที่จะทำให้ผู้เอาประกันคิดเยอะขึ้น แต่ก็ยังไม่ใช่ทางออกที่ยั่งยืนที่สุด เพราะถ้าจะแก้ปัญหาต้องแก้ทั้งระบบ
ปิดท้ายที่ มร.โทมัส วิลสัน กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต ให้นิยามของคำว่า ระบบประกันสุขภาพที่ยั่งยืนว่า ต้องเป็นสิ่งที่ทุกคนเข้าถึงได้ อย่างต่อเนื่องไม่ใช่แค่ใน 2-3ปีอันใกล้ แต่ เรากำลังพูดถึงอนาคต 15-20 ปีข้างหน้า แต่ด้วยสถานการณ์ Medical Inflation ที่เป็นอยู่ขนาดนี้ จะทำให้สินไหมของประกันสูง จนคนทั่วไปเข้าถึงได้ยากขึ้น
และสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้ Medical Inflation สูง เพราะการเคลมที่มากเกินไป จากข้อมูลพบว่า เด็กไทย 0-10 ขวบ มีการอัตราการแอดมิดเข้าโรงพยาบาลที่มีจำนวนมาก และพักรักษารพ.ในจำนวนวันที่มากกว่าประเทศอื่น นอกจากนั้น จากข้อมูล มีการเคลมสูงขึ้นของโรคเกี่ยวกับกล้ามเนื้อ เช่น office syndrome ทั้งที่จริงๆแล้ว การเอาประกันควรสงวนไว้สำหรับโรคสำคัญๆ เช่น โรคหัวใจ โรคมะเร็ง ตอนนี้กลับถูกนำมาใช้ในจุดที่ไม่สำคัญ ซึ่งอาจมีการป้องกันได้ และสมมติว่า หากเราไม่มีการแก้ไขใดๆ ก็จะยิ่งทำให้ระบบสุขภาพในภาพรวมแย่ลง ยกตัวอย่าง ประกันกลุ่มลูกค้าเด็ก อายุต่ำกว่า 10 ปี ในปัจจุบัน ทุกบริษัท มีการเสนอเฉพาะแผนที่มีความรับผิดส่วนแรก Deductible ร่วมด้วย
“ถ้าปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป ภายใน 15 ปี ผมคิดว่า คนทั่วไปจะเข้าถึงประกันสุขภาพของบริษัทเอกชนได้ลดลง และต้องกลับไปพึ่งพาหลักประกันสุขภาพของรัฐหมด ทำให้ภาครัฐก็ต้องมาแบกรับภาระตรงนี้ แต่อย่างน้อยโชคดี ที่เราตื่นตัวกันตั้งแต่วันนี้ และกำลังหาวิธีรับมือ เพื่อนำไปสู่การร่วมมือกันของทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นลูกค้า โรงพยาบาล บริษัทประกัน รวมถึงภาครัฐ”