รายงานพิเศษ : BKGI รับผลบวก ก.สาธารณสุข หนุนสร้างความมั่นคงด้านสุขภาพ ช่วยผลักดันการแพทย์จีโนมิกส์
กระทรวงสาธารณสุขประกาศนโยบายหนุนการสร้างความมั่นคงด้านสุขภาพในการรักษาโรคต่างๆ กระตุ้นเทคโนโลยีการแพทย์จีโนมิกส์ เน้นป้องกันการเกิดโรค และผลักดันผลงาน บมจ.แบงคอกจีโนมิกส์อินโนเวชั่น (BKGI) ผู้เชี่ยวชาญการแพทย์สมัยใหม่
ผศ.พิเศษ นพ. ธนินทร์ เวชชาภินันท์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กรมการแพทย์มุ่งมั่นยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนและเสริมสร้างความมั่นคงทางสุขภาพในทุกมิติ ร่วมถึงการเข้าถึงการรักษาสำหรับผู้ป่วยโรคหายาก เพื่อให้ทุกคนได้รับบริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพอย่างเสมอภาค ตามบทบาทขององค์กรที่เป็นศูนย์กลางด้านบริการทางการแพทย์ระดับประเทศ
พร้อมทั้งเสริมสร้างความรู้แก่บุคลากรทางการแพทย์และประชาชนในวงกว้าง ซึ่งจะนำไปสู่การคัดกรองในขั้นต้นที่มีคุณภาพและรู้สาเหตุของอาการป่วยได้รวดเร็วยิ่งขึ้น อีกทั้งผลักดันเชิงนโยบายและความร่วมมือกับทุกภาคส่วนถือเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างระบบสุขภาพที่เท่าเทียม เพื่อให้ผู้ป่วยโรคหายากมีโอกาสได้รับการดูแลที่เหมาะสมและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
ขณะที่ ศ.พญ.ดวงฤดี วัฒนศิริชัยกุล หัวหน้าสาขาเวชพันธุศาสตร์ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี ในนามมูลนิธิเพื่อผู้ป่วยโรคหายาก (Thai Rare Disease Foundation) อยากให้รัฐบาลและผู้ที่เกี่ยวข้องมุ่งเน้นการปฏิรูปนโยบายเพื่อลดอุปสรรคในการเข้าถึงการรักษา พร้อมทั้งยกระดับการดูแลผู้ป่วยโรคหายากให้เป็นวาระแห่งชาติ
นโยบายของกระทรวงสาธารณสุขเพื่อป้องกันและรักษาโรคหายาก สนับสนุนการเติบโตของ บมจ.แบงคอกจีโนมิกส์อินโนเวชั่น (BKGI) ที่ประกอบกิจการห้องปฏิบัติการ และให้บริการการตรวจวินิจฉัยทางการแพทย์ โดยเฉพาะเทคโนโลยีการแพทย์จีโนมิกส์ ซึ่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “เสาวลักษณ์ ด่านสกุล” ระบุว่า แผนธุรกิจของบริษัทในปี 68 จะเดินหน้าขยายการให้บริการใหม่ๆ ด้านการแพทย์จีโนมิกส์ร่วมกับพันธมิตร
ทั้งในส่วนของห้องปฏิบัติการและให้บริการการตรวจวินิจฉัยทางการแพทย์ ซึ่งหลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ทำให้ BKGI เป็นที่รู้จักมากขึ้นของประชาชนทั่วไป ไม่ใช่เฉพาะลูกค้าองค์กรหรือหน่วยงานที่ให้ความสำคัญกับการตรวจทางพันธุกรรมเท่านั้น ซึ่งตลาดในประเทศไทยมีโอกาสเติบโตได้อีกมากจากเทรนด์การรักสุขภาพที่เพิ่มขึ้น
ส่วนแผนการร่วมลงทุนหรือซื้อกิจการ (M&A) อยู่ระหว่างการพิจารณา โดยศึกษาธุรกิจที่มีความเกี่ยวเนื่องกัน ที่จะสามารถต่อยอดธุรกิจให้เติบโต โดยเฉพาะธุรกิจด้านนวัตกรรมทางการแพทย์ใหม่ ๆ ที่เป็นเทรนด์ในอนาคตด้วย ซึ่งคาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในปีนี้
สำหรับโครงสร้างรายได้ในปี 68 จะมาจาก 2 ส่วน คือ 1.รายได้ธุรกิจการให้บริการประกอบธุรกิจห้องปฏิบัติการและให้บริการตรวจวินิจฉัยทางการแพทย์จะมีสัดส่วนอยู่ที่ 75% จากเดิมอยู่ที่ 95%
2.ธุรกิจการจำหน่ายผลิตภัณฑ์อื่น ๆ จะมีสัดส่วนอยู่ที่ 25% จากเดิมอยู่ที่ 5% เนื่องจากการขายเครื่องมือห้องปฏิบัติการและน้ำยาห้องปฏิบัติการที่มากขึ้นตามความต้องของตลาด ทั้งในส่วนของภาครัฐและเอกชน
ด้านการลงทุนในปีนี้ บริษัทตั้งงบลงทุนไว้ที่ประมาณ 40-50 ล้านบาท เพื่อรองรับการก่อสร้างห้องปฏิบัติการแห่งใหม่ เพื่อขยายฐานการตรวจหาความเสี่ยงทางด้านโรคมะเร็ง เสริมศักยภาพการให้บริการให้กว้างขึ้น สนับสนุนการเติบโตของ BKGI ในอนาคต พร้อมตั้งเป้ารายได้ปีนี้ เติบโต 20-25%