แน่นอนว่าหากพูดถึงหุ้นต่างประเทศที่ตัวปรับขึ้นได้อย่างร้อนแรงในปีที่ผ่านมา จะต้องมี 7 หุ้นนางฟ้า หรือบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ทั้ง 7 บริษัท ได้แก่ Apple, Microsoft, Alphabet (Google), Amazon, Nvidia, Tesla และ Meta ที่ทรงอิทธิพลต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯ ติดอยู่ลิสต์ของนักลงทุนหลายๆคน
แต่อย่างไรก็ดี เมื่อตลาดหุ้นต้องเผชิญกับแรงกดดันต่างๆนานา ก็ย่อมส่งผลให้กลุ่มหุ้นที่ราคาปรับตัวขึ้นได้ ก็ต้องเจอกับช่วงที่ราคาหุ้นปรับตัวลงแรงด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะกลุ่ม 7 หุ้นดังกล่าว ซึ่งคำถามสำคัญจากนักลงทุนก็คือเมื่อราคาหุ้นลงมาจะเป็นโอกาสให้ลงทุนได้หรือไม่
ดังนั้น ในวันนี้ทางสำนักข่าว Share2Trade จึงอยากจะพาไปหาคำตอบกัน ผ่านมุมมองจากผู้เชี่ยวอย่างนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด มานำเสนอให้แก่ผู้อ่านและนักลงทุน
โดยเริ่มกันที่ Tesla inc. หรือ TSLA ที่ราคาหุ้นตัวลงแรงมากที่สุดจากต้นปีหรือกว่า 42% มาอยู่ที่ 230.58 ดอลลาร์สหรัฐฯ ด้านมุมมองจากนักวิเคราะห์ประเมินว่า ระยะสั้นราคาหุ้นยังคงผันผวนได้ หลังมีดาวน์ไซด์จากภาพการแข่งขันในอุตสาหกรรมที่สูง, ผลประกอบการที่ชะลอตัวและการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ ซึ่งทําให้การปรับตัวของราคาหุ้นเป็นไปตามความคาดหวังมากกว่าปัจจัยพื้นฐาน
สำหรับแนวโน้มธุรกิจยานยนต์จะกลับมาเติบโตในปี 68 ส่วนอัตรากําไรขั้นต้นทั้งปีอาจปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับปี 67 โดยครึ่งหลังของปีจะได้รับประโยชน์จากประสิทธิภาพหลังการปรับปรุงโรงงานในไตรมาส 1 ด้านหุ่นยนต์ Optimus พร้อมสําหรับการผลิตนําร่อง
ต่อมา NVIDIA Corporation หรือ NVDA จากต้นปีถึงปัจจุบันได้ปรับตัวลง 19% มาอยู่ที่ 108.76 ดอลลาร์สหรัฐฯ โดยนักวิเคราะห์ให้มุมมองว่า ระยะสั้นราคายังมีความผันผวนได้จากความกังวลประเด็น DeepSeek และความเสี่ยงการควบคุมชิปที่เข้มงวดขึ้นของสหรัฐฯ แต่เราประเมินว่าราคาปรับตัวลงและรับรู้ความกังวลไปพอสมควร จึงแนะทยอยสะสมหลังแนวโน้มธุรกิจโตแกร่ง
ในส่วนธุรกิจแนวโน้มการเติบโตยังคงดีหนุนจากความต้องการ AI เป็นหลัก โดยการลงทุน Data Center ของกลุ่มเทคฯใหญ่ เช่น MSFT AMZN และรัฐฯสหรัฐฯในโครงการ Stargate ยังคงมีปริมาณที่สูงซึ่งจะทําให้ความต้องการชิปประมวลผลยังคงดี ขณะที่ความต้องการ AI และเทคฯที่พัฒนาทําให้บริษัทหลายแห่งต้องการทํา Partner ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแหล่งรายได้ที่จะสนับสนุนการเติบโต
ถัดมา Alphabet Inc. หรือ GOOGL จากต้นปีถึงปัจจุบันได้ปรับตัวลงมา 13% มาอยู่ที่ 164.04 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งนักวิเคราะห์ให้มุมมองว่า ในระยะสั้นราคาหุ้นยังคงมีความผันผวนได้จากความเสี่ยงกฎระเบียบที่ยังคงเป็นปัญหากดดัน อย่างไรก็ดีเชื่อว่าแนวโน้ม Ads ที่ฟื้นตัวและตําแหน่งธุรกิจที่ได้ประโยชน์จาก AI จะเป็นแรงสนับสนุนสําคัญที่ทําให้ราคาหุ้นปรับขึ้นได้
Apple Inc. หรือ AAPL จากต้นปีถึงปัจจุบันได้ปรับตัวลงมา 11% มาอยู่ที่ 220.84 ดอลลาร์สหรัฐฯ โดยนักวิเคราะห์ให้มุมมองว่า ระยะสั้นมองดาวน์ไซด์เริ่มจํากัดหลังมีการออกสินค้าใหม่และพัฒนาระบบนิเวศน์ให้ครบวงจร อย่างไรก็ดีในฝั่งอัพไซด์ก็ถือได้ว่ายังคงมีแรงกดดันจากการแข่งขันและยอดขายที่ชะลอตัว จึงแนะเก็งกําไรในช่วงที่ราคาย่อตัว
สำหรับการส่งเสริมระบบนิเวศน์ให้ครบวงจรจะเป็นแรงสนับสนุนผลประกอบการในระยะถัดไป โดยบริษัทเปิดตัวสินค้าใหม่ทั้ง MacBook Air, Mac Studio, iPad Air และ iPad รุ่นพื้นฐาน ซึ่งภาพรวมมีราคาถูกกว่ารุ่นเดิมและมีการเปลี่ยนชิปเป็นของ AAPL เองเพื่อให้รองรับการใช้งาน AI ได้เร็วขึ้นและสร้างความแตกต่างให้กับผลิตภัณฑ์จะช่วยชดเชยยอดขายสินค้าเก่าที่ซบเซา
Amazon.com Inc. หรือ AMZN จากต้นปีถึงปัจจุบันได้ปรับตัวลงมา 10% มาอยู่ที่ 196.59 ดอลลาร์สหรัฐฯ ทางด้านนักวิเคราะห์ประเมินว่ามองราคาหุ้นย่อตัวลงในช่วงนี้เป็นโอกาสในการลงทุนที่ดีหลังเชื่อว่าปัจจัยพื้นฐานยังดีจากแผนการควบคุมต้นทุนและการเปลี่ยนจุดโฟกัสธุรกิจไปยังคลาวด์ที่มีแนวโน้มโตดีจาก AI รวมถึงมองชดเชยแรงกดดันจากธุรกิจคอมเมิซที่มีความเสี่ยงจากนโยบายทรัมป์ได้
สำหรับภาพรวมงบยังเติบโต โดยเฉพาะคอมเมิซที่แนวโน้มยังคงดีจากความต้องการผู้บริโภคในสินค้าลดราคาที่เพิ่มขึ้น ซึ่งสามารถเห็นได้จาก Buy Now Pay Later ของ AFRM ที่ให้แนวโน้มเติบโตดี โดยเราคาดว่าแนวโน้มนี้จะยังดําเนินต่อในปี 68 หลังกําลังซื้อของผู้บริโภคยังมีแรงกดดัน ทําให้การจับจ่ายอาจจะต้องอาศัยส่วนลดและราคาถูก
Microsoft Corporation หรือ MSFT จากต้นปีถึงปัจจุบันได้ปรับตัวลงมา 9% มาอยู่ที่ 3801.45 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งนักวิเคราะห์ให้มุมมองว่าราคาหุ้นปรับตัวลงและรับรู้ความกังวลประเด็น DeepSeek ไปพอสมควร ทําให้มองเป็นโอกาสในการลงทุนที่ดีเพื่อคาดหวังการเติบโตในปี 2568 ที่มาจากการรับรู้รายได้ค่าบริการ AI รวมถึงเป็นผู้นําในธุรกิจคลาวด์และมีระบบนิเวศน์ที่ครบวงจร
ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าในปี 68 จะยังคงมีการเติบโตสม่ำเสมอในทุกกลุ่มธุรกิจ โดยมีความสามารถในการแข่งขันที่เด่นจากคู่แข่ง โดยเฉพาะในส่วนของ AI และ Cloud ความต้องการ AI มองได้รับประโยชน์จากความต้องการ AI ที่เพิ่มขึ้นซึ่งจะช่วยหนุนค่าบริการ AI ได้ นอกจากนี้การลงทุนด้าน AI ที่เพิ่มขึ้นยังคงคาดช่วยสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันและคาดว่าจะสร้างรายได้จาก AI ได้ในระยะถัดไป และ Office 365 ยังคงเติบโตจากการเพิ่มจํานวนผู้ใช้และการอัพเกรดแพ็คเกจ
สุดท้าย Meta platforms inc. หรือ META เป็นเพียงบริษัทเดียวที่จากต้นปีถึงปัจจุบันได้ปรับตัวขึ้นมา 3% มาอยู่ที่ 605.71 ดอลลาร์สหรัฐฯ ระยะสั้นเชื่อว่าแนวโน้มการเติบโตของงบที่มาจาก AI และ Ads จะเป็นปัจจัยสําคัญที่สนับสนุนราคาหุ้นได้ หากราคาหุ้นที่ย่อตัวเป็นจังหวะในการเก็งกําไรที่ดี อย่างไรก็ดียังไม่ชอบแนวโน้มธุรกิจในระยะกลาง-ยาวหลังมองมีการแข่งขันสูง
ด้านภาพรวมยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องหนุนจาก AI และ Ads เป็นสําคัญ รวมถึงมองผลกระทบจาก DeepSeek ที่ค่อนข้างจํากัด ทําให้ภาพรวมเชื่อว่าราคาหุ้นยังคงไปต่อได้ นอกจากนี้แนะติดตามทิศทางการซื้อกิจการ TikTok ในสหรัฐฯที่ภาพรวมมองว่ายังคงเป็นความเสี่ยงและกดดันการแข่งขัน IG Reels ของบริษัทอยู่