รายงานพิเศษ : โบรกฯ แนะตอบรับเทนเดอร์ TIDLOR ชี้แผนการปรับโครงสร้างเป็น “โฮลดิ้งส์” เพิ่มความคล่องตัว-จ่ายปันผลได้สูงขึ้น
บล.พาย สนับสนุนผู้ถือหุ้น บมจ.เงินติดล้อ (TIDLOR) ใช้สิทธิ์แลกหุ้น หนุนปรับโครงสร้างแปลงร่างเป็น โฮลดิ้งส์ ส่งผลบริหารงานคล่องตัว มีประสิทธิภาพ และจ่ายเงินปันผลได้สูงขึ้น ไม่เกิด dilution effect
ความคืบหน้าในการปรับโครงสร้างธุรกิจของ บมจ.เงินติดล้อ (TIDLOR หรือ บริษัทฯ) ล่าสุดบริษัทแจ้งว่า ปัจจุบันแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์พร้อมการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ (แบบ 69/247-1) ของบริษัท ติดล้อ โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (Tidlor Holdings หรือ ติดล้อ โฮลดิ้งส์) ได้มีผลใช้บังคับแล้วเมื่อวันที่ 6 มี.ค. 2568 โดยบริษัทฯ ได้ดำเนินการจัดตั้ง Tidlor Holdings ซึ่งเป็นบริษัทลงทุน (Holding Company) และจะทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของ TIDLOR จากผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ
โดยออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนกับหุ้นสามัญของบริษัทฯ (Tender Offer) ในอัตราแลกเปลี่ยน 1 หุ้นสามัญของ TIDLOR ต่อ 1 หุ้นสามัญของ Tidlor Holdings และเปิดให้ผู้ถือหุ้น TIDLOR ทำการแลกหุ้นในช่วงระหว่าง วันที่ 10 มีนาคม 2568 ถึงวันที่ 16 เมษายน 2568 เวลา 9.00 น. - 16.00 น. (เฉพาะวันทำการ) ซึ่งผู้ถือหุ้นจำเป็นต้องดำเนินการ ตอบรับ คำเสนอซื้อหลักทรัพย์ด้วยตนเอง (กระบวนการแลกหุ้นจะไม่เป็นไปโดยอัตโนมัติ)
ซึ่งการปรับโครงสร้างดังกล่าว บล.พายได้ออกบทวิเคราะห์ โดยระบุว่า บริษัทคงคำแนะนำ “ซื้อ” ด้วยมูลค่าพื้นฐาน 19.30 บาท และแนะนำให้นักลงทุนตอบรับคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของ บริษัท ติดล้อ โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) และคาดว่าการปรับโครงสร้างจะแล้วเสร็จในไตรมาส 2/68
โดยบล.พาย ระบุด้วยว่า การที่ TIDLOR มีสถานะเป็นนิติบุคคลต่างด้าว ทำให้ต้องดำรงสัดส่วนเงินกู้ต่อทุนชำระแล้วในสัดส่วนไม่เกิน 7:1 เท่า ด้วยกลยุทธ์การเติบโตในปี 2564-2566 TIDLOR จำเป็นต้องกู้เงินเพื่อนำมาขยายสินเชื่อใหม่ต่อเนื่อง ขณะเดียวกันได้จ่ายหุ้นปันผล ผลที่เกิดขึ้นทำให้เกิด dilution effect และเป็นปัจจัยหนึ่งทำให้ ROE ในปี 2564-2565 ปรับลดลงต่อเนื่องที่ 18.6% / 15.2% -14.1% ตามลำดับ แม้ว่า TIDLOR มีกำไรสุทธิเติบโต 31.2% /14.9%/4.1% ตามลำดับ
บล.พายยังคาดว่า การปรับโครงสร้างเป็นบริษัท โฮลดิ้ง จะแล้วเสร็จในไตรมาส 2/68 และหุ้นสามัญของ บมจ.ติดล้อ โฮลดิ้งส์ จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายใต้ชื่อย่อว่า “TIDLOR”
ทั้งนี้ภายใต้โครงสร้างใหม่ บริษัทจะมีความคล่องตัวเพิ่มขึ้น ประสิทธิภาพในการบริหารงานสูงขึ้น เพื่อรองรับการประกอบธุรกิจของแต่ละกลุ่มธุรกิจที่มีลักษณะแตกต่างกันในอนาคต และสามารถจ่ายเงินปันผลตามที่กำหนด ไว้ในนโยบายการจ่ายเงินปันผล เพราะไม่อยู่ภายใต้ข้อกำหนดในการดำรงสัดส่วนเงินกู้ต่อทุนชำระแล้วไม่เกิน 7:1 เท่า
ทั้งนี้ บล.พาย ระบุด้วยว่า คงประมาณการกำไรสุทธิในปี 2568 ปรับสูงขึ้น 10.8% จากปีก่อน และROE ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 14.5% (2024:14.4%) โดยคาดการจ่ายเงินปรับผลที่ 0.40 บาท /หุ้น ในปี 2568 บนสมมติฐานอัตราการจ่ายเงินปันผล (Payout ratio) ที่ 25%