รายงานพิเศษ : TFG ติดปีกปี 68 ผลงานนิวไฮ ได้ประโยชน์ 3 ปัจจัยหนุน ราคาหมูเพิ่ม-ต้นทุนอาหารลด-เปิดร้านค้าปลีก
ราคาสุกรที่เพิ่มขึ้น จาก Supply ทั่วโลกที่ลดลง และต้นทุนกากถั่วเหลือง ข้าวโพดอาหารสัตว์ยังทรงตัว ขณะเดียวกันปีนี้บริษัทลุยเปิดร้านค้าปลีกให้ครบ 600 แห่งในปีนี้ หวังสร้างรายได้เติบโตยั่งยืน
โดยนายเพชร นันทวิสัย ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บมจ.ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป (TFG) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2568 คาดว่าจะทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง โดยตั้งเป้ารายได้เติบโต 10-15% จากปีที่ผ่านมา และเตรียมขยายสาขาร้านค้าปลีก ไทยฟู้ดส์ เฟรซ มาร์เก็ต (Retail Shop) ให้มีจำนวนสาขา 600 แห่งในปี 2568 จากปีที่ผ่านมามีสาขาอยู่ที่ 401 แห่ง เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภค และเพิ่มมาร์จิ้นให้ธุรกิจ สนับสนุนผลการดำเนินงานเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต
ซึ่งปัจจัยหนุนสำคัญที่ทำให้แนวโน้มผลงานในปี 2568 นิวไฮต่อเนื่อง มาจากราคาสุกรที่เพิ่มขึ้น จาก Supply ทั่วโลกที่ลดลง จากโรค ASF ยังคงระบาด รวมไปถึงต้นทุนที่ลดลงของกากถั่วเหลือง และข้าวโพดอาหารสัตว์ยังทรงตัว รวมถึงการบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ส่วนผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 2567 มีรายได้รวม 66,081.70 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9,539.95 ล้านบาท หรือ 16.87% จากปีที่ผ่านมามีรายได้รวม 56,541.75 ล้านบาท สร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง และมีกำไรสุทธิ 3,143.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,956.31 ล้านบาท หรือ 486.93% จากปีที่ผ่านมาขาดทุนสุทธิ 812.50 ล้านบาท
แนวโน้มผลประกอบการปีนี้ที่ปรับตัวดีขึ้นทำสถิติของ TFG สอดคล้องกับการออกบทวิเคราะห์ของ บล.ทิสโก้ โดยระบุว่า แนวโน้มไตรมาส 1/67 เราคาดเพิ่มขึ้น จากปีก่อน และ จาไตรมาสก่อน จากราคาปศุสัตว์ทั้งไก่และสุกรที่เพิ่มขึ้น โดยราคาสุกรปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก supply ทั่วโลกที่ลดลงจากโรค ASF ยังคงระบาด ในขณะที่ต้นทุนอาหารสัตว์ ทั้งข้าวโพดอาหารสัตว์ และกากถั่วเหลืองยังมีแนวโน้มทรงตัวในระดับต่ำ ส่งผลให้อัตรามาร์จิ้นดีขึ้น
เราปรับประมาณการปี 67-68 เพิ่มขึ้นจากคาดเดิม 59% และ 68% ธุรกิจสุกรที่ดีขึ้นในไทยและเวียดนามและการขยายร้านค้าปลีก
1) ธุรกิจสุกรดีขึ้นเราคาดรายได้ปี 68 เพิ่มขึ้น 15% และปีถัดไปเพิ่มขึ้น 8% จากคาดราคาขายเฉลี่ยที่ 75 บาท/กก. และปริมาณการขายเพิ่มขึ้น ธุรกิจ สุกรในเวียดนาม บริษัทมีการขยายกำลังการผลิตในช่วงปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นเท่าตัว
2) ธุรกิจไก่คาด เพิ่มขึ้น จากการเน้นจำหน่ายผ่านร้านค้าปลีกของบริษัทเพิ่มขึ้น คาดการส่งออกปีนี้7 หมื่นตัน
ส่งออกไปญี่ปุ่น จีน และกลุ่มยุโรปเป็นหลัก
3) คาดร้านค้าปลีกมีสาขาเพิ่มขึ้นปัจจุบัน 430 สาขา (สิ้นปี 2024 ปิดที่จำนวน 401 สาขา) คาดอัตราทำกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นนจากแนวโน้มต้นทุนอาหารสัตว์ลดลงตามผลผลิตที่เพิ่มขึ้น ทั้งกากถั่ววเหลืองและข้าวโพดอาหารสัตว์
ดังนั้นบล.ทิสโก้จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายอยู่ที่ 5.90 บาท คาดแนวโน้มผลประกอบการปี 68 เพิ่มขึ้นจากคาดราคาไก่ทรงตัว และธุรกิจสุกรและร้านค้าปลีกเติบโตเพิ่มขึ้นเป็นหลัก ราคาเป้าหมายใหม่จากการปรับประมาณการอยู่ที่ 5.90 บาท อ้างอิง historical PER-0.5STD เฉลี่ย10X โดยราคาปัจจุบันมีระดับ PER25F ที่ 7.0X, Dividend Yield 25F อยู่ที่ 6.9% ความเสี่ยงของธุรกิจคือ โรคระบาด, ต้นทุนอาหารสัตว์ที่เพิ่มขึ้น